IELTS คืออะไร?
IELTS เป็นการสอบวัดระดับทางภาษาอังกฤษ ที่เป็นมาตรฐานสากลและนิยมใช้กันทั่วโลก โดย IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System
ข้อสอบ IELTS นั้นมีความท้าทาย และถือว่ายากพอสมควร เพราะวัดทั้ง 4 ทักษะ (Writing/Listening/Reading/Speaking) และในแต่ละพาร์ท รูปแบบข้อสอบ (format) ก็จะมีหลากหลาย แตกต่างกันด้วย ดังนั้นก่อนที่คิดจะไปสอบ ต้องรู้จักรูปแบบข้อสอบกันก่อนว่า เข้าห้องสอบไปแล้ว จะเจอข้อสอบหน้าตาแบบไหน? โจทย์จะให้เราทำอะไรบ้าง?
การสอบ IELTS นั้นจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ IELTS Academic และ IELTS General Training โดยตัวข้อสอบจะมีความแตกต่างในเรื่องของระดับความยาก-ง่ายของเนื้อหาในพาร์ท Reading และ Writing ส่วนพาร์ท Listening และ Speaking นั้นจะสอบเหมือนกันทั้งสองแบบ
การสอบ IELTS UKVI คืออะไร?
หลายคนจะงงเวลาสมัครสอบ เพราะจะมีให้เลือกด้วยว่าจะสอบแบบปกติ (IELTS Regular) หรือแบบ IELTS for UKVI ซึ่งแบบหลังนี้จะสำหรับไว้ใช้ยื่นสมัครวีซ่าของสหราชอาณาจักร (UK) และการตรวจคนเข้าเมือง เช่นเดียวกับการสอบ IELTS Life Skills ที่เป็นการสอบสำหรับการยื่นสมัครวีซ่าย้ายถิ่นฐานเช่นกัน โดยการสอบ IELTS for UKVI นั้น ตัวข้อสอบและรูปแบบจะแบ่งเป็น Academic และ General Training เหมือนการสอบ IELTS Regular แต่จะต่างกันที่ในใบรายงานผลจะขึ้นศูนย์สอบที่ได้รับการรับรองว่าจัดสอบแบบ UKVI ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้สามารถนำไปใช้ยื่นขอวีซ่าได้ ***ก่อนจะสมัครสอบ ควรตรวจสอบกับองค์กร มหาวิทยาลัยที่จะยื่นคะแนนให้ดีว่าต้องการผลสอบประเภทไหน***
ข้อมูลเพิ่มเติม IELTS for UKVI
เลือกสอบ IELTS แบบ Academic หรือ General Training?
ก่อนอื่นต้องดูที่จุดประสงค์ของเราว่าต้องการ คะแนน IELTS ไปใช้ “ทำอะไร” เช่นเรียนต่อในระดับปริญญาตรีขึ้นไป หรือต้องการสอบเพื่อนำผลคะแนนไปยื่นย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เป็นต้น **ทั้งนี้ให้ตรวจสอบกับสถาบัน องค์กร หรือหน่วยงานที่ต้องการสมัครหรือยื่นเอกสารให้ดี ว่าต้องใช้คะแนน IELTS แบบไหน
ลองดูสรุปความแตกต่างระหว่าง IELTS Academic และ IELTS General Training ได้จากตารางด้านล่างเลยค่ะ
IELTS Academic |
IELTS General Training |
• สำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ (ตรี/โท/เอก) |
• สำหรับศึกษาต่อต่างประเทศในระดับที่ต่ำกว่าปริญญา |
• สำหรับทำงาน ที่ต้องการทักษะภาษาขั้นสูง |
• สำหรับไปทำงานที่ต่างประเทศ หรือเข้าคอร์สอบรม |
|
• สำหรับย้ายถิ่นฐานไปอาศัยในประเทศออสเตรเลีย |
ความแตกต่างของข้อสอบ |
|
IELTS Listening |
|
**เหมือนกันทั้ง Academic – General** |
**เหมือนกันทั้ง Academic – General** |
IELTS Reading |
|
[60 นาที/40 ข้อ] บทความทางวิชาการ 3 เรื่องที่มีหัวข้อที่หลากหลาย เช่น วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เศรษฐกิจ เป็นต้น โดยโจทย์ทั้ง 40 ข้อจะมีลักษณะที่ต่างกันออกไปตามรูปแบบต่างๆ คือ |
[60 นาที /40 ข้อ] แบ่งเป็น 3 sections โดยบทความจะสั้นกว่า และเนื้อหาจะง่ายกว่าแบบ Academic Section 1: ‘Social Survival’ เป็นบทความสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องในชีวิตประจำวันเช่น ประกาศ ใบโฆษณา ตารางข้อมูลต่างๆ Section 2: ‘Workplace Survival’ บทความจะเกี่ยวข้องกับบริบทการทำงานมากขึ้นเช่น ข้อมูลตำแหน่งงาน ข้อมูลเกี่ยวกับการอบรมพนักงาน Section 3: ‘General Reading’ ใน section นี้บทความจะยาวที่สุด โดยเนื้อเรื่องจะกว้างขึ้น ระดับภาษายากขึ้น ลักษณะโจทย์จะหลากหลายเหมือนกันคือ |
IELTS Writing |
|
[60 นาที/2 Tasks] Task 1 (150 words): บรรยาย graph, chart, diagram โดยควรใช้เวลาประมาณ 20 นาทีสำหรับงานเขียนชิ้นนี้ ลักษณะการเขียน คือ เขียนตามข้อมูลที่เห็น เปรียบเทียบข้อมูล การบรรยาย trend หรือการทำงานของระบบ Task 2 (250 words): โจทย์จะตั้งหัวข้อมาให้ เพื่อให้เราเขียนแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่โจทย์ให้มา โดยจะมีทั้งเห็นด้วย/ไม่เห็นด้วย, ให้อภิปรายทั้งสองมุมแล้วแสดงความเห็น แสดงความเห็นในการแก้ปัญหาต่างๆ เป็นต้นชิ้นนี้ควรเผื่อเวลาประมาณ 40 นาทีในการเขียน |
[60 นาที/2 Tasks] Task 1 (150 words): โจทย์จะให้สถานการณ์สมมติมา ให้เราเขียนจดหมายตอบโต้ โดยอาจเป็นได้ทั้งเขียนแบบไม่เป็นทางการ กึ่งทางการ แบบทางการ เช่น เขียนจดหมายหาเจ้าหน้าที่หอพักถึงปัญหาห้องพักของมหาวิทยาลัย หรือเขียนจดหมายเพื่อแนะนำบุคคลในชุชมที่ควรได้รับรางวัล เป็นต้น Task 2 (250 words): โจทย์จะตั้งหัวข้อเป็นเรื่องทั่วๆ ไป ให้เราเขียนแสดงความคิดเห็น แสดงวิธีการแก้ปัญหา หรืออภิปรายมุมมองต่างๆ หัวข้อ เช่น กิจกรรมสันทนาการของเด็ก ควรบรรจุการการเรียนของโรงเรียนไหม เป็นต้น |
IELTS Speaking |
|
**เหมือนกันทั้ง Academic – General** [ไม่เกิน 15 นาที] จะแบ่งออกเป็น 3 parts คือ Part 1: เป็นการถามเรื่องส่วนตัว ทั่วๆ ไปเช่นครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน เพื่อน สิ่งที่ชอบ Part 2: จะได้รับ cue card ที่เป็นคำถาม พร้อมประเด็นให้พูด โดยให้เวลาเตรียมตัว 1 นาที และพูดอีก 2 นาที Part 3: กรรมการจะถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่เราได้จาก Part 2 ซึ่งคำถามในพาร์ทนี้จะเป็นแนวให้พูดถึงความคิดเห็น ไอเดีย (คือเป็นคำตอบที่นามธรรมมากขึ้น) |
**เหมือนกันทั้ง Academic – General** [ไม่เกิน 15 นาที] จะแบ่งออกเป็น 3 parts คือ Part 1: เป็นการถามเรื่องส่วนตัว ทั่วๆ ไปเช่นครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน เพื่อน สิ่งที่ชอบ Part 2: จะได้รับ cue card ที่เป็นคำถาม พร้อมประเด็นให้พูด โดยให้เวลาเตรียมตัว 1 นาที และพูดอีก 2 นาที Part 3: กรรมการจะถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่เราได้จาก Part 2 ซึ่งคำถามในพาร์ทนี้จะเป็นแนวให้พูดถึงความคิดเห็น ไอเดีย (คือเป็นคำตอบที่นามธรรมมากขึ้น) |
✅ คอร์สเรียน IELTS 4 skills การันตี Band 7.0+ ✅
ทดลองติวฟรี กดที่ภาพด้านบนได้เลยค่ะ
✅ อยากเข้าคณะอินเตอร์
✅ อยากเรียนต่อต่างประเทศ
✅ ต้องมีคะแนน IELTS อย่างน้อย 7.0 UP+
- คอร์ส IELTS ครูเจี๊ยบติวจัดให้ครบทั้ง Listening/ Speaking/ Reading/ Writing
- ติวละเอียดรูปแบบข้อสอบทุกแบบที่ต้องเจอ ไม่ต้องเสียเวลางมเอง
- เทคนิคการทำโจทย์แบบที่ต่างกันเช่น การทำโจทย์แบบ Yes/ No/ Not Given ฯลฯ
- วิธีเก็งคำตอบ และ วิธีเขียนตอบแต่ละ pattern ทั้งในการเขียน และการพูด
- ตรวจ แนะนำงานเขียน (จากในคอร์ส) ฟรี!
- ครูเจี๊ยบมีประสบการณ์ติว IELTS มายาวนานกว่า 25 ปี
✅ทดลองติว IELTS 4 skills ฟรี!! [Click]
ในปัจจุบัน การสอบ IELTS นั้นเราสามารถเลือกได้ว่าจะสอบแบบ 'กระดาษ' (IELTS Paper-based) หรือแบบ 'คอมพิวเตอร์' (IELTS Computer-delivered)
โดยการสอบทั้งสองแบบนั้น รูปแบบข้อสอบ และระดับความยาก-ง่ายของเนื้อหาจะเหมือนกัน และในการสอบส่วน IELTS Speaking นั้นจะยังสอบกับ IELTS Examiner เหมือนเดิม (สอบพูดกับคน ไม่ใช่คอมพิวเตอร์)
แล้วเราควรจะเลือกสอบแบบไหนดีกว่ากัน?
คำตอบคือขึ้นอยู่กับความถนัด และสะดวกของแต่ละคน เช่น บางคนถนัดอ่าน และเขียนบนกระดาษ ก็เลือกสอบ Paper-based ดีกว่า แต่ถ้าใครถนัดพิมพ์มากกว่า การสอบ Computer-Delivered ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ ทั้งนี้สถานที่สอบ และรอบสอบของทั้งสองแบบจะแตกต่างกันออกไปด้วย ลองดูสรุปข้อมูลความแตกต่างระหว่าง IELTS Paper-based กับ IELTS Computer-delivered ได้ด้านล่างเลยค่ะ
IELTS Paper-based |
IELTS Computer-delivered |
1. Listening/Reading/Writing สอบบนกระดาษ *Speaking สอบกับกรรมการ (face-to-face) |
1. Listening/Reading/Writing สอบบนคอมพิวเตอร์ *Speaking สอบกับกรรมการ (face-to-face) |
2. Listening มีเวลา 30+10 นาที - 30 นาที สำหรับการทำข้อสอบ |
2. Listening มีเวลา 30+2 นาที - 30 นาที สำหรับทำข้อสอบ *มีกระดาษเปล่า ดินสอ ยางลบให้ |
3. Reading ทำบนกระดาษ - แยกเป็นกระดาษคำถาม และกระดาษคำตอบ |
3. Reading ทำบนคอมพิวเตอร์ - หน้าจอจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง บทความอยู่ซ้าย ส่วนทางขวาจะเป็นโจทย์ที่ต้องทำ *มีกระดาษเปล่า ดินสอ ยางลบให้ |
4. Writing ทำบนกระดาษ - ต้องนับคำเอง (ให้ครบตามจำนวนที่กำหนด) |
4. Writing ทำบนคอมพิวเตอร์ - เหมาะกับคนถนัดพิมพ์ *มีกระดาษเปล่า ดินสอ ยางลบให้ |
5. รอบสอบน้อยกว่าแบบ Computer - ต้องวางแผนจองรอบสอบให้ดี |
5. รอบสอบมากกว่าแบบ Paper-based - เปิดสอบเกือบทั้งเดือน (ทั้ง British Council และ IDP) |
6. รับผลคะแนนภายใน 14 วัน |
6. ผลคะแนนออกเร็วกว่า (ภายใน 5 วัน) |
7. ศูนย์สอบ IELTS Paper-based IDP - Westminster (อโศก) British Council - โรงแรม Landmark *ขึ้นอยู่กับรอบสอบที่เลือก และตรวจสอบให้ดีว่าการสอบ Speaking นั้นอยู่ที่เดียวกันหรือคนละสถานที่ |
7. ศูนย์สอบ IELTS Computer-delivered IDP - CP Tower ชั้น 4 British Council - จามจุรี แสควร์ ชั้น 24 |
8. ค่าสมัครสอบ IELTS Papaer-based IELTS Regular IDP: 7,200 บาท |
8. ค่าสมัครสอบ IELTS Computer-delivered IELTS Regular IDP: 7,500 บาท |
ตัวอย่างการทำข้อสอบ IELTS บน Computer (Conputer-delivered)
IELTS Computer-delivered (Introduction)
IELTS Computer-delivered (Listening)
IELTS Computer-delivered (Reading)
IELTS Computer-delivered (Writing)
หน้าตาข้อสอบ IELTS เป็นอย่างไร?
ข้อสอบ IELTS นั้นจะมีรูปแบบที่หลากหลายมาก ไม่ใช่แค่แบบ "1 คำถาม 4 ตัวเลือก" แบบที่เราคุ้นเคยกัน เพราะจะมีทั้งการเติมคำในประโยค แผนภาพ flowchart หรือตาราง และยังมีการจับคู่คำตอบด้วย ดังนั้นถ้าไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไป ก็มีโอกาสที่จะทำไม่ได้ ทำไม่ทันแน่ๆ
ลองไปดูหน้าตาข้อสอบของแต่ละทักษะกันเลยค่ะ
LISTENING SECTION
จำนวนข้อ | เวลา (นาที) |
40 |
30 (+10 นาที สำหรับ transfer คำตอบ ในการสอบแบบ Paper-based) |
ข้อสอบ Listening ของ IELTS นั้นจะแบ่งออกเป็น 4 sections ซึ่งเทปเสียงของแต่ละ section นั้นก็จะมีความยากง่าย เนื้อเรื่องต่างกัน
Section 1 | บทสนทนา 2 คนคุยกัน หัวข้อเป็นเรื่องทั่วๆ ไป | |
Section 2 |
|
|
Section 3 | บทสนทนาหลายคน (สูงสุด 4 คน) หัวข้อยากขึ้น เช่น การถกกันระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาในหัวข้อทางวิชาการ | |
Section 4 | บทพูดคนเดียว (monologue) หัวข้อทางวิชาการ เช่น การบรรยายในระดับมหาวิทยาลัย |
รูปแบบคำถามใน ข้อสอบ IELTS Listening
IELTS Listening สรุปให้เข้าใจง่ายๆ จะมีทั้งหมด 5 แบบ
1. Completing Information/Labelling
รูปแบบนี้จะเป็นการเติมข้อมูล หรือใส่ข้อมูลในรูปภาพให้สมบูณ์ โดย format ที่เป็นการเติมข้อมูลจะมีทั้ง
- Plan
แผนผังห้อง อาคารต่างๆ โดยให้ใส่ว่าจุดไหนเรียกว่าอะไร
- Picture Diagram
ไดอะแกรมของโครงสร้างเช่น พวกเครื่องจักร หรือกลไกการทำงานต่างๆ
- Map
แผนที่เมือง ถนน
- Form
ฟอร์มต่างๆ เช่น ฟอร์มการเช่ารถ ฟอร์มจองทัวร์ หรืออื่นๆ โดยจะเป็นการกรอกข้อมูลพวกชื่อ เบอร์โทร ระยะเวลา ราคา และอื่นๆ
- Note
โน๊ตสรุปเนื้อหาเช่น เนื้อหาเป็นการบรรยายในมหาวิทยาลัย ตัวโน๊ตก็จะเป็นการสรุปเนื้อหาออกมาเป็น bullet points หรือสรุปข้อความเป็นข้อๆ
- Table
ตารางสรุปข้อมูลต่างๆ
- Flow-Chart
ขั้นตอน กระบวนการต่างๆ ที่ชัดเจน
- Summary
เนื้อหาสรุปส่วนมากจะเป็นการสรุปเนื้อหาจากบทบรรยายเชิงวิชาการ
2. Multiple-Choice
รูปแบบหลายตัวเลือก ให้เลือกคำตอบ ซึ่งปกติเราจะชินว่าให้เลือกคำตอบเดียวเท่านั้นในข้อสอบส่วนใหญ่ แต่ใน IELTS นั้นจะมีทั้ง
- ให้เลือก 1 คำตอบ จาก 3 ตัวเลือก
- ให้เลือก 2 หรือ 3 คำตอบ จาก 5 ตัวเลือก
3. Matching
รูปแบบนี้เป็นการจับคู่ information เช่น
- ชื่อคน กับ ideas
- ประเภทหัวข้อ กับ ข้อมูล
- โครงสร้างเครื่องจักร กับ ชื่อเรียกส่วนประกอบ
4. Sentence Completion
เป็นการเติมคำลงในประโยคให้สมบูรณ์ โดยอิงจากสิ่งที่ได้ยินในเนื้อหา
5. Short-Answer Question
รูปแบบนี้จะเป็นคำถามสั้นๆ แล้วให้เขียนตอบ (ส่วนมากไม่เกิน 3 คำ และตัวเลข) โดยคำถามมักจะเป็นการถามรายละเอียดต่างๆ
READING SECTION (Academic)
จำนวนข้อ | เวลา (นาที) |
40 |
60 |
สำหรับข้อสอบ IELTS Reading แบบ Academic นั้น จะมีทั้งหมด 3 passages (ซึ่งแต่ละอันยาวมาก) มาพร้อมกับรูปแบบคำถามที่หลากหลายเหมือนกับคำถามในส่วน Listening
ข้อสอบ IELTS Reading วัดอะไร?
IELTS Reading นั้นจะเป็นการวัดทักษะการอ่านหลายๆ รูปแบบ เช่น
- การอ่านเพื่อหาแก่นของเรื่อง
- การอ่านเพื่อหาใจความ
- การอ่านเพื่อหาข้อมูล รายละเอียด
- ทักษะการอ่านแบบ Skimming (รู้ว่าต้องมองหาคำตอบที่ตรงไหน ไม่ได้อ่านทั้งหมดทีละบรรทัด)
- การอ่านเพื่อหาความรู้สึก ความคิดเห็น จุดประสงค์ของผู้เขียน
รูปแบบคำถามใน ข้อสอบ IELTS Reading
1. Fill-in
เป็นการเติมคำลงในช่องว่าง ตารางต่างๆ โดยจะมีรูปแบบย่อยๆ อีก เช่น
- summary (เติมคำในบทสรุปเนื้อหาย่อ)
- note (เติมคำลงในสรุปโน๊ตจากเรื่อง)
- table (เติมคำลงในตาราง)
- flow-chart (เติมคำลงในภาพขั้นตอน กระบวนการต่างๆ)
- diagram (เติมคำลงในภาพ ชี้ส่วนประกอบต่างๆ เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์บางส่วน)
2. Short-Answer Questions
เป็นคำถามสั้นๆ ให้ตอบคำถาม โดยส่วนมากจะเป็นพวกรายละเอียดต่างๆ โดยให้เราหาคำจาก text ที่อ่านมาเติม ซึ่งต้องอ่านคำสั่งดีๆ เช่นกันว่าให้เติมได้กี่คำ
3. Multiple-Choice
- เลือก 1 คำตอบ จาก 4 ตัวเลือก
- เลือก 2 คำตอบ จาก 5 ตัวเลือก
- เลือก 3 คำตอบ จาก 7 ตัวเลือก
4. True/False/Not Given หรือ Yes/No/Not Given
รูปแบบนี้ โจทย์จะให้ประโยค (Statements) มา แล้วให้เราเลือกว่าข้อมูลไหนที่เป็นความจริง ไม่จริง หรือไม่มีข้อมูลระบุ ซึ่งต้องอิงจากเนื้อหาที่เราอ่าน
หรืออีกแบบคือให้ข้อมูลมา แล้วให้เลือกว่าตรง หรือไม่ตรงกับ Views/Claims ของผู้เขียน หรือว่าไม่ได้ระบุ
5. Matching
- information (ให้ข้อมูลมา กับตัวอักษรกำกับ paragraphs ให้เลือกว่าข้อมูลนี้อยู่ใน paragraph ไหน)
- headings (จับคู่หัวเรื่องกับ paragraph ซึ่งหัวเรื่องก็คือ main ideas ของแต่ละ paragraph นั่นเอง)
- features (มี list ชื่อ กับข้อมูลมาให้ เช่น ชื่อนักวิทยาศาสตร์ ให้จับคู่กับข้อมูล)
- sentence endings (มีส่วนหนึ่งของประโยคมาให้ และตัวเลือกจะเป็นส่วนท้าย ให้จับคู่เพื่อให้แต่ละประโยคสมบูรณ์)
6. Sentence Completion
เติมคำลงในประโยคเพื่อให้ประโยคสมบูรณ์ โดยต้องอ่านคำสั่งดีๆ ว่าให้เติมไม่เกินกี่คำ เช่น
- ‘NO MORE THAN THREE WORDS AND/OR A NUMBER from the passage’
- ‘ONE WORD ONLY’ or ‘NO MORE THAN TWO WORDS’
WRITING SECTION (Academic)
จำนวน Task | เวลา (นาที) |
2 Tasks | 60 |
Task 1 (150 words)
ในการเขียน Task 1 นั้น ควรใช้เวลา ไม่เกิน 20 นาที เพราะควรแบ่งเวลาไปโฟกัสกับ Task 2 ที่ต้องเขียนยาวกว่า และสัดส่วนคะแนนก็มากกว่าด้วย
IELTS Writing Task 1 นั้นมีลักษณะดังนี้
- ให้ภาพกราฟ ชาร์ท หรือตารางข้อมูล และตัวเลข เพื่อให้เขียนบรรยายตามข้อมูลที่เห็น
- หรืออาจเป็นภาพไดอะแกรมของเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือกระบวนการ และให้เขียนบรรยายการใช้งาน
- ให้เขียนถึงภาพรวม และ main features ของข้อมูล รวมถึง points อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- อาจจะไม่ต้องเขียน points เล็ก หรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมด ให้เลือกเขียนถึงข้อมูลที่เห็นได้ชัด และสำคัญที่สุด
ตัวอย่างโจทย์ Writing Task 1
Task 2 (250 words)
ส่วนนี้โจทย์จะเป็นการให้ประเด็นมา Task นี้ควรใช้เวลา ไม่เกิน 40 นาที โจทย์จะบอกชัดเจนว่าให้เราเขียนแสดงอะไร เช่น
- Discuss both these views and give your own opinion. (เขียนถึงทั้งสองไอเดียที่ให้มา พร้อมแสดงความเห็นตัวเอง)
- To what extent do you agree or disagree with this opinion? (ต้องเลือกว่าเห็นด้วยหรือไม่ พร้อมให้เหตุผล)
- Causes/Effects/Solutions (ให้เขียนถึงสาเหตุ ผล หรือวิธีการแก้ปัญหาจากโจทย์)
- Answer questions (เขียนเพื่อตอบคำถาม)
ตัวอย่างโจทย์ Writing Task 2
ในส่วนของ IELTS Writing Section นั้น นอกจากต้องเขียนให้ได้ตามจำนวนคำที่กำหนดแล้ว ยังต้องคำนึงถึง
- ความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กันของคำตอบกับสิ่งที่โจทย์ถามหรือต้องการ
- ต้องเขียนเป็นประโยคเต็มๆ ห้ามเขียนแบบเป็น bullet points หรือเป็น note
- หากคำตอบที่เขียนไป หลุดประเด็น หรือไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่โจทย์ถาม ก็จะถูกตัดคะแนน (ถึงแม้ว่าจะเขียนถูกหลักไวยากรณ์ และใช้โครงสร้างได้ดีก็ตาม)
SPEAKING SECTION
จำนวน Part | เวลา (นาที) |
3 Parts | 11-14 |
Speaking Section นี้จะวัดการใช้ภาษาพูด โดยผู้สอบจะได้รับการทดสอบจากกรรมการที่เป็นเจ้าของภาษา ที่จะเป็นถามคำถาม และทำการทดสอบ Speaking Skill ของเรา โดยการสอบจะแบ่งเป็น 3 พาร์ทที่ต่อเนื่องกันคือ
Part 1 | Introduction and interview: จะเริ่มถามจากเรื่องทั่วไป เช่น ครอบครัว งาน การเรียน หรือความชอบส่วนตัว (Part นี้ใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที) |
Part 2 | Long turn: ผู้สอบจะได้รับการ์ดคำถามที่มีหัวข้อกำหนดมาให้ มีเวลาเตรียมตัว 1 นาที และต้องพูดเกี่ยวกับหัวข้อที่ได้มาเป็นเวลา 2 นาที |
Part 3 | Discuss: กรรมการจะถามคำถามเพิ่มเติมจากหัวข้อที่ให้มาใน Part 2 โดยลักษณะคำถามจะเกี่ยวข้องกับไอเดีย ความคิดเห็น เพื่อทดสอบการพูดในเชิงนามธรรมมากขึ้น ตอบคำถามในเชิงลึกขึ้น (Part นี้ใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที) |
ตัวอย่างคำถามใน IELTS Speaking Part 1
Hometown (บ้านเกิด)
I’d just like to ask you some questions about your hometown.
- Where is your hometown?
(บ้านเกิดคุณอยู่ที่ไหน) - What was it like growing up there?
(คุณเติบโตที่นั่น มันเป็นอย่างไรบ้าง) - Has it changed much since you were a child?
(มันเปลี่ยนไปเยอะไหม ตั้งแต่ตอนคุณยังเด็ก) - What do you like most about living there?
(คุณชอบอะไรที่สุด ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น) - What kinds of things can visitors to your hometown go and see?
(นักท่องเที่ยวชอบไปที่ไหน หรือเยี่ยมชมอะไรบ้าง เมื่อไปที่บ้านเกิดของคุณ) - Do you think you will live there when you are older?
(คุณคิดว่าคุณจะอาศัยอยู่ที่นั่นไหม หากคุณอายุมากขึ้น)
Studies (การเรียน)
I’d just like to ask you some questions about your studies.
- What are you studying?
(คุณกำลังเรียนด้านไหนอยู่) - Why did you choose that particular course?
(ทำไมถึงเลือกเรียนวิชานั้น/สาขานั้น) - What is your favourite subject?
(วิชาโปรดของคุณคืออะไร) - Are you friends with many other students on your course?
(คุณมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันเยอะไหม) - What job would you like when you have completed all your studies?
(ถ้าเรียนจบแล้ว อยากทำงานประเภทไหน) - Will you have to do further studies in the future?
(ในอนาคต คุณต้องเรียนต่อไหม)
ตัวอย่างคำถามใน IELTS Speaking Part 2
Sport and Exercise (กีฬา และการออกกำลังกาย)
Describe a type of exercise that you like to do. (อธิบายการออกกำลังกายที่คุณอยากทำ)
You should say:
- What the exercise is (อยากลองออกกำลังกายอะไร)
- When you do it (ทำเมื่อไร)
- Where you do it (ทำที่ไหน)
Explain why you like this particular exercise. (อธิบายว่าทำไมถึงชอบการออกกำลังกายประเภทนี้)
Travel (การท่องเที่ยว)
Describe a country you would like to visit in the future that you haven't been to yet.
(อธิบายประเทศที่คุณไม่เคยไป และอยากไปเที่ยวในอนาคต)
You should say:
- Which country it is (ประเทศไหน)
- Where it is located in the world (อยู่ส่วนไหนของโลก)
- What you could see there (จะได้เห็นอะไรบ้างที่นั่น)
Explain why this country is would be such a good place to visit. (อธิบายว่าทำไมถึงอยากจะไปประเทศนั้นๆ และเป็นประเทศที่น่าไปเที่ยวเพราะอะไร)
ตัวอย่างคำถามใน IELTS Speaking Part 3
Transport (การขนส่ง)
- How do most people travel long distances in your country?
(คนส่วนใหญ่ในประเทศของคุณเดินทางไกลๆ ด้วยวิธีไหน) - Have the types of transport people use changed much over the last few decades?
(วิธีการเดินทางของผู้คนเปลี่ยนไปเยอะไหม ในช่วงยี่สิบ สามสิบปีที่ผ่านมา) - What kinds of improvement have there been in transport in your country in recent years?
(ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในประเทศของคุณมีการพัฒนาด้านระบบขนส่งอะไรบ้าง) - Do you think transport is likely to continue to improve in the future?
(คุณคิดว่าระบบขนส่งน่าจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องไหมในอนาคต)
Education (การศึกษา)
- How are education priorities today different from those in the past?
(ลำดับความสำคัญด้านการศึกษาในปัจจุบัน แตกต่างจากในอดีตอย่างไร) - What is your opinion on the way languages are taught in schools?
(คุณมีความเห็นอย่างไรถึงวิธีการสอนภาษาในโรงเรียน) - How can the type of school you go to affect career success?
(ประเภทของโรงเรียนที่คุณเข้าเรียนมีผลกับความสำเร็จด้านอาชีพการงานในอนาคตอย่างไรบ้าง) - What changes do you think will happen in the classroom in the near future?
(การเปลี่ยนแปลงอะไรที่คุณคิดว่าจะเกิดขึ้นในห้องเรียน ในอนาคตอันใกล้นี้)
วิธีการสมัครสอบ
IDP (Paper-based: 6,900 บาท / Computer-delivered: 6,900 บาท)
1. เข้าเว็บไซต์ https://my.ieltsessentials.com/ เพื่อสมัคร
2. เลือกประเภทการสอบ IELTS ที่ต้องการ
ฝั่งซ้ายจะเป็น IELTS Regular (มีทั้ง Academic – General) ฝั่งขวาสำหรับ IELTS for UKVI (มีทั้ง Academic - General)
*ถ้ามหาวิทยาลัย หน่วยงาน องค์กรที่เราจะยื่นคะแนน ไม่ได้ require UKVI โดยเฉพาะ ก็เลือกแบบ Regular ได้เลย
3. เลือกข้อมูลตามที่ขึ้นบนหน้าจอ
เลือกประเทศ จังหวัด ประเภทข้อสอบ (Academic – General) และหากต้องการความช่วยเหลือในการสอบ (สำหรับผู้พิการ) ให้เลือกข้อมูลด้วย ถ้าไม่มีปล่อยไว้ให้เป็น None
4. เลือกสถานที่สอบที่ต้องการ
ถ้าต้องการสอบแบบ Computer-delivered ให้ดูสัญลักษณ์ด้านหลังที่เป็นสีแดง (รูปคอมพิวเตอร์) ซึ่งของ IDP การสอบแบบคอมพิวเตอร์จะสอบที่อาคาร CP Tower
5. เลือกรอบสอบ Listening/Reading/Writing
ปกติในแต่ละวันจะมีรอบสอบ 2 รอบคือ 9:00 AM และ 2:00 PM พอเลือกแล้วจะมีขึ้นสรุปรายละเอียดการสอบที่เราเลือกไป (รอบสอบ Speaking จะเลือกแยกต่างหากในหน้าถัดไป)
6. เลือกรอบสอบ Speaking
ให้เลือกรอบสอบ Speaking ที่ต้องการ *ให้สังเกตด้านบนจะมีบอกว่าให้มาถึงศูนย์สอบไม่เกินกี่โมง (เช่นเลือกรอบบ่ายสอง ควรไปถึงไม่เกินบ่ายโมงครึ่ง)
7. สร้าง Account
พอเลือกรอบเรียบร้อยแล้ว ระบบจะให้เราสร้าง Account โดยให้กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ก่อนจะไปในขั้นตอนการชำระเงินค่าสอบต่อไป
วิธีการสมัครสอบ IELTS (British Council)
British Council (Paper-based: 6,900 บาท / Computer-delivered: 6,900 บาท)
- การสมัครสอบแบบ Computer-delivered
1. เข้าไปที่เว็บไซต์ https://ieltsregistration.britishcouncil.org/test-chooser
2. เลือกประเภทของ IELTS ที่ต้องการสอบ (Academic หรือ General Training)
3. เลือกประเทศ และเดือนที่ต้องการสอบ
4. เลือกจังหวัด และศูนย์สอบ
ซึ่งถ้าเป็นการสอบแบบ Computer-delivered ก็จะมีศูนย์สอบเฉพาะที่กรุงเทพ (จามจุรีสแควร์ ชั้น 24)
5. เลือกวันสอบ และรอบเวลาสอบ
6. เลือกรอบสอบ Speaking
หน้านี้จะขึ้นสรุปข้อมูลการสอบของเรา (ที่เลือกไป) พร้อมให้เลือกรอบสอบ Speaking (ซึ่งอาจจะเป็นวันเดียวกัน หรือคนละวันกัน ตามที่รอบสอบมีเปิด)
7. สร้าง Account เพื่อไปชำระเงินค่าสอบต่อไป
ข่าว / เทคนิคแนะนำ
FREE! แจกชีทความรู้ IELTS เก็บไว้อ่าน อัพคะแนน!
รวมชีทติว IELTS ศัพท์ ข้อสอบ เทคนิคต่างๆ รีบมาโหลดเก็บไว้อ่านกันได้เลย!
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
เรียนต่อออสฯ ต้องรู้! มหาวิทยาลัย Group 8 ใช้ IELTS เท่าไร?
มหาวิทยาลัย Go8 มาจากคำว่า Group of eight ซึ่งเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศออสเตรเลีย มักเป็นมหาวิทยาลัยติดอยู่ใน 100 อันดับโลก (แต่อาจมีบางปีที่สถาบันบางแห่งตกอันดับจาก 100 ของโลก) ก่อตั้งขึ้นโดยรองนายกรัฐมนตรีของประเทศออสเตรเลียเมื่อปี ค.ศ. 1994 และเริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1999 โดยข้อมูลล่าสุดในปี 2020 มหาวิทยาลัย Group of 8 ได้แก่
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
ข้อสอบ IELTS Reading (True/False/Not Given และ Yes/No/Not Given)
มาลองฝึกทำโจทย์ ข้อสอบ IELTS Reading กันดีกว่า โพสต์นี้จะทยอยเพิ่มข้อสอบเข้าไปเรื่อยๆ นะคะ โดยจะเน้นข้อสอบที่คนงง และสงสัยกันมากกกก คือข้อสอบ IELTS Reading แบบ Yes/No/Not given และแบบ True/False/Not given ค่ะ
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
MBA คืออะไร? กับ 10 อันดับ MBA Programs ดีที่สุดใน UK ประจำปี 2020!
วางแผนต่อ MBA ใน UK อยู่รึเปล่า? ลองมาดูข้อมูลของ 10 MBA Programs ที่ดีที่สุดใน UK กันเถอะ!
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
IELTS Writing: ใช้ Linking Words ช่วยอัพ Band งานเขียนสิ!
หนึ่งในเกณฑ์ให้คะแนน IELTS Writing ก็คือ "Coherence" หรือความต่อเนื่อง ลื่นไหลของงานเขียน ซึ่งถ้าอยากจะอัพ Band ให้ได้สูงๆ จะต้องรู้จักใช้ Linking words ให้เป็น ตามมาดูกันในโพสต์นี้เลยค่ะ
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
รวมศัพท์ IELTS ที่เป็น Uncountable Nouns (นามนับไม่ได้) ไม่ต้องเติม S
ในการสอบ IELTS นั้นถ้าเขียนผิด สะกดผิดไปแม้แต่นิดเดียว ก็โดนหักคะแนนได้! โดยเฉพาะศัพท์ IELTS กลุ่มนี้ที่เป็น Nouns ไม่ต้องเติม S เพราะเป็น Uncountable Nouns (นามนับไม่ได้) ที่มักจะใช้กันผิดบ่อยสุดๆ ทำให้คะแนนลดลงอย่างน่าเสียดาย ลองมาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
ส่องอันดับ ม.ออสเตรเลีย ตามสาขาบน Ranking ของโลก
อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยในการตัดสินใจเลือกสถาบันการศึกษาก็คือความโดดเด่นในเรื่องของเนื้อหาหลักสูตร ที่อาจพิจารณาได้จากการจัดอันดับประจำภูมิภาคต่างๆ ไปจนถึงการจัดอันดับโลก และเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาต่อ หรือเพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น ครั้งนี้เราก็ได้รวบรวมเอามหาวิทยาลัยที่ติดอันดับอยู่ใน Top 100 มาฝาก จัดอันดับตามสาขาหรือคณะเรียนที่โดดเด่น คัดเน้นๆ ที่พิกัดออสเตรเลีย เอาใจคนที่มีแพลนเรียนต่อออสเตรเลียโดยเฉพาะ
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
ข้อสอบ IELTS นับคำยังไง? มาดูกันเลย! (IELTS Word Count)
ข้อสอบ IELTS จะมีคำสั่งต่างกันไปเวลาเติมคำเช่น "NO MORE THAN...." คือให้เติมคำตอบแบบไม่เกินกี่คำ แล้วเรานับคำกันยังไง? บทความนี้มีคำตอบให้ค่ะ!
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
IELTS Writing Task 1 ตัวอย่าง พร้อม Model Answers
ข้อสอบ IELTS Writing Task 1 คือการเขียนบรรยาย graphs, charts, diagrams, tables ต่างๆ ซึ่งยากพอตัวเลยค่ะ ถ้าใครยังไม่เคยสอบมาก่อน แนะนำให้หาโจทย์ และตัวอย่างงานเขียนมาลองฝึก ลองดูโครงสร้างการเขียนก่อนนะคะ บทความนี้รวบรวมตัวอย่างข้อสอบ IELTS Writing Task 1 พร้อม Model answers มาให้แล้วค่ะ
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
IELTS Mock Test คืออะไร? ทำไมต้องทำ?
เมื่อพูดถึงข้อสอบ IELTS หลายคนอาจไม่รู้ว่ามี IELTS Mock Test ให้น้องๆ ได้ทดลองสอบก่อนลงสนามจริง ซึ่งก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีแพลนสอบ IELTS โดยเฉพาะ เมื่อการสอบ IELTS เป็นเรื่องยาก ยิ่งในคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการสอบมาก่อน อาจยังนึกภาพไม่ออกว่าข้อสอบจะเป็นแบบไหน หรือต้องเตรียมตัวอย่างไร การบริหารจัดการเวลาจะต้องทำอย่างไร แต่หากได้มีโอกาสทำ Mock Test ก่อน ก็อาจช่วยให้การสอบ IELTS นั้นง่ายขึ้น เรียกได้ว่า IELTS Mock Test เป็นกลยุทธ์ลับในการอัพ Band7+ เลยก็ว่าได้ เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักกลยุทธ์ลับนี้ และกำลังสงสัยอยู่ว่า Mock Test คืออะไร ทำไมต้องสอบ? ถ้างั้นมาทำความรู้จัก กันเลยดีกว่า
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
คณะแพทย์ มหิดล คะแนน IELTS ต้องใช้รอบไหนบ้าง?
การสมัครเข้าเรียนต่อในคณะแพทย์ มหิดล คะแนน IELTS ก็เป็นอีกหนึ่งทางผ่าน สำหรับการยื่นสมัครเรียนต่อในบางรอบ และมักเป็นรอบแรกๆ ซึ่งมีความน่าสนใจ โดยรอบดังกล่าวต้องการนักศึกษาที่มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ รวมถึงความสามารถทางภาษาอังกฤษ ครั้งนี้เราจะมาบอกเล่าถึงรอบการสมัครคณะแพทย์ มหิดล ที่ต้องใช้ IELTS
แนะนำ12 ธันวาคม 2563
คอร์สเรียนแนะนำ