HSK5 สำคัญแค่ไหน? ทำไมต้องสอบ?

HSK5 สำคัญแค่ไหน? ทำไมต้องสอบ?

ข้อสอบ HSK5 คืออะไร? สำคัญแค่ไหน? ทำไมคนที่เรียนจีนถึงต้องสอบกัน? อยากรู้ต้องดูเลย!

        สำหรับเพื่อนๆที่เรียนภาษาจีนนั้น การสอบ HSK คงเป็นสิ่งท่ีคุ้นเคยและรู้จักกันดีอยู่แล้ว บางคนอาจจะเคยเข้าร่วมการสอบมาก่อน แต่คงมีน้อยคนที่เคยสอบในระดับ HSK5 นั่นอาจเพราะหลายๆคนคิดว่าการสอบผ่าน HSK4 นั้นเพียงพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องสอบในระดับที่สูงขึ้นไปอีก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วความคิดแบบนั้นมันไม่ถูกต้องเลย ดังนั้นบทความวันนี้จะมาบอกถึงความสำคัญของการสอบ HSK5 ให้รู้กันค่ะ


 

สารบัญ


 

HSK5 คืออะไร?

        HSK5 (Chinese Proficiency Test 汉语水平考试) หรือ การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนระดับ 5 ถือได้ว่าเป็นการทดสอบทักษะภาษาจีนขั้นสูง ซึ่งมีความยากในระดับที่ชาวจีนใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวัน ความยากของระดับนี้นั้นจะยากขึ้นจากระดับ 4 เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะพาร์ทการฟัง การอ่าน หรือการเขียนนั้น ล้วนต้องมีความรู้ทางภาษาจีนในระดับสูงจึงจะสามารถผ่านได้

Chinese Proficiency Test (HSK) logo.

 



 

ทำไมถึงควรสอบ HSK5?

        คะแนน HSK5 นั้นถือได้ว่าเป็นความต้องการพื้นฐานสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ภาษาจีนในการติดต่อกับชาวจีนหรือประเทศจีน เพราะความยากของข้อสอบ HSK5 นั้นอยู่ในระดับภาษาจีนขั้นสูง ทำให้เป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าเราสามารถสื่อสารหรือติดต่อกับชาวจีนได้อย่างไม่มีปัญหานั่นเอง ข้อดีและประโยชน์ของการสอบ HSK5 นั้นมีมากมาย เช่น

 

  1. ใช้หางานที่เกี่ยวข้องกับภาษาจีน

        งานที่เกี่ยวข้องกับภาษาจีนส่วนใหญ่ในไทยนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาชีพที่จำเป็นต้องติดต่อกับชาวจีนอย่างการเป็นล่าม การทำงานในบริษัทต่างชาติ การนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นต้น หรืออาชีพที่ไม่มีความจำเป็นต้องสื่อสารกับชาวจีนเลยอย่างการเป็นครูสอนภาษาจีน และการทำงานแปลนั้น ต่างก็มีความต้องการขั้นตำ่เป็นคะแนน HSK5 ในการสมัครงาน เนื่องจากว่าการสอบผ่าน HSK5 นั้นการยืนยันถึงความสามารถด้านภาษาจีนระดับสูงอย่างหนึ่ง ซึ่งการมีแค่คะแนน HSK4 นั้นไม่เพียงพอแน่นอน ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนอยากที่จะทำงานในสายภาษาจีน การสอบ HSK5 ก็สามารถช่วยให้การสมัครงานหรือหางานกลายเป็นเรื่องง่ายดายขึ้น

A male teacher teaching a young boy to write Chinese on the board.

 

  1. อัพเรทเงินเดือน

        หากว่าเพื่อนๆไม่มีความต้องการที่จะทำงานที่ต้องใช้ภาษาจีนเป็นหลัก แต่อยากที่จะทำในสายงานอื่นๆ การที่เรามีสกิลภาษาจีนเป็นภาษาที่สามก็สามารถช่วยให้เรียกเงินเดือนได้สูงขึ้นถึง 25% สำหรับเด็กจบใหม่ที่ฐานเงินเดือนสตาร์ทที่ 18,000-22,000 บาทนั้น ก็อาจจะเรียกเงินเดือนเพิ่มได้ถึง 22,000-25,000 บาทเลยทีเดียว โดยเฉพาะถ้างานที่เราสมัครไปนั้นเป็นของบริษัทจีน หรือบริษัทที่จำเป็นต้องติดต่อกับจีน รับประกันได้เลยว่าเงินเดือนที่ได้มักสูงกว่าที่อื่นเท่าตัว แน่นอนว่าทักษะภาษาจีนของเรานั้นต้องดีถึงระดับที่สื่อสารกับชาวจีนได้คล่อง และมีสิ่งที่เป็นเครื่องมือยืนยันถึงความสามารถทางภาษาอย่างคะแนน HSK5 เป็นอย่างน้อย

The human figure walked from a steady stack of coins to a growing stack of coins.

 

  1. ใช้ยื่นขอทุนเรียนต่อปริญญาโทของรัฐบาลจีนได้ฟรี

        ในปัจจุบันรัฐบาลจีนได้มีการส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเรียนภาษาจีน จึงทำให้ในแต่ละปีรัฐบาลจีนได้มีการจัดสรรทุนเรียนต่อระดับปริญญาสำหรับชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก สำหรับผู้ที่มีความสนใจอยากจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศจีนนั้น ความต้องการขั้นตำ่ในการยื่นขอทุนคือต้องสอบผ่าน HSK5 หรือมีคะแนน 180 ขึ้นนั่นเอง ซึ่งการไปเรียนต่อที่ประเทศจีนนั้นจะช่วยให้เราได้พบเจอสิ่งใหม่ๆและเพิ่มพูนประสบการณ์ใหม่ๆ แถมยังทำให้มีโอกาสได้ทำงานต่อในประเทศจีนอีกด้วย

Group of Asian students smiling in Chinese-style graduation gowns.

 

  1. สื่อสารกับคนได้ทั่วทั้งโลก

        การที่เราสามารถพูดภาษาจีนเป็นภาษาที่สามนอกเหนือจากภาษาไทยและภาษาอังกฤษแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถสื่อสารกับคนได้ทั่วทั้งโลก เนื่องจากในปัจจุบันภาษาจีนถือเป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกเหนือจากประเทศจีนแล้ว ภาษาจีนยังเป็นภาษาราชการในบางประเทศอย่างไต้หวัน หรือสิงคโปร์ และยังถือเป็นภาษาทางการของสหประชาชาติ (UN) อีกด้วย  จากสถิติปี 2021 มีคนมากกว่า 190 ล้านคนที่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาที่สองจากทั่วทั้งโลก ยิ่งในปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนมีการขยายตัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติเข้าไปลงทุนในจีน หรือชาวจีนไปลงทุนในต่างประเทศ ทำให้ตอนนี้ทั่วโลกมีการใช้ภาษาจีนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นการที่เรามีคะแนนสอบ HSK5 จึงเป็นตัวรับประกันอย่างดีว่าเราสามารถคุยกับชาวต่างชาติได้รู้เรื่องแน่นอน

Foreigners ask Chinese locals for directions.

 

  1. พัฒนาทักษะภาษาจีนให้ดียิ่งขึ้น

        นอกจากข้อดีต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้นการสอบ HSK5 ยังเป็นการทดสอบความรู้ภาษาจีนของตัวเองในรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้เราเข้าใจ และรู้ตัวเองผ่านการทำข้อสอบว่าเรายังอ่อนภาษาจีนในด้านใดบ้าง และควรมีแนวทางในการที่จะพัฒนาทักษะทางภาษาจีนของตัวเองอย่างไรได้ถูกจุด ส่งผลให้เราเก่ง และมีพัฒนาการในภาษาจีนได้เร็วยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว

Asian woman taking notes on paper to improve her skills.

 

 



 

ข้อสอบ HSK5 เป็นแบบไหน?

        ข้อสอบ HSK5 มีทั้งหมด 100 ข้อ ประกอบไปด้วยทั้งหมด 3 พาร์ท ได้แก่

  1. การฟัง 45 ข้อ 

        ในส่วนของพาร์ทการฟังนั้นจะเป็นการสอบแบบฟังคลิปเสียงแล้วเลือกคำตอบที่ถูกต้อง ซึ่งข้อสอบในพาร์ทนี้จะแบ่งแยกย่อยออกได้อีกเป็น 2 ส่วน : 

        1.1 ข้อที่ 1-20 ในส่วนของพาร์ทนี้นั้นจะเป็นบทสนาสั้นๆ ให้เราจับใจความสำคัญและเลือกคำตอบที่ตรงกับเนื้อหาและคำถาม ความยากในส่วนนี้จะไม่ค่อยมาก 

        สิ่งที่ควรระวังคือ ในพาร์ทนี้เราไม่สามารถนำคำศัพท์ที่ได้ยินจากคลิปเสียงมาตอบในทันทีได้อย่างตอนสอบ HSK4 เพราะช้อยส์ตัวเลือกในข้อสอบอาจมีคำศัพท์ที่เราได้ยินมากกว่าหนึ่งช้อยส์ หรืออาจจะไม่มีศัพท์ที่เราได้ยินเลยสักข้อก็เป็นได้ ดังนั้นผู้เข้าสอบจึงต้องตั้งใจฟังให้ดี และต้องรู้จักศัพท์จีนจำนวนมาก เพื่อที่จะได้ตอบคำถามได้ถูกต้อง

        1.2 ข้อที่ 21-45 ในส่วนของพาร์ทนี้นั้น ความยากข้อสอบจะเพิ่มขึ้นมากจากส่วนแรก โดยคลิปเสียงในส่วนนี้จะมีทั้งบทสนาที่ค่อนข้างยาว และเรื่องเล่าสั้นๆ โดยในข้อที่ 21-30 จะเป็นการฟังหนึ่งบทสนทนาต่อคำถามหนึ่งข้อ และข้อที่ 31-45 จะเป็นการฟังเรื่องเล่าหนึ่งเรื่องต่อคำถามสองถึงสามข้อ 

        ความยากในพาร์ทนี้คือนอกจากเราจะต้องตั้งใจฟังคลิปเสียงให้ดีแล้ว ยังต้องจับใจความและจำคำพูดทั้งหมดของบทสนทนาหรือเรื่องเล่านั้นๆ ให้ได้ มีหลายๆ ครั้งที่ผู้เข้าสอบทุกคนต้องตกม้าตายเพียงเพราะจำไม่ได้ว่าคลิปเสียงพูดว่าอะไร หรือมัวแต่นั่งคิดคำตอบจนไม่ทันฟังคำถามข้อต่อไปที่มาถึง ทำให้โอกาสในการตอบผิดเพิ่มมากขึ้น

The example of listening part in HSK5 Chinese Language test.

 

  1. การอ่าน 45 ข้อ

        พาร์ทการอ่านนั้นจะมีรูปแบบข้อสอบที่หลากหลายแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 ส่วนได้ดังนี้ :

        2.1 ข้อที่ 46-60 พาร์ทการอ่านในส่วนนี้จะเป็นการให้เลือกเติมคำ โดยที่ข้อสอบจะให้หนึ่งบทความต่อคำถามสามถึงสี่ข้อ ซึ่งจะให้เราเลือกคำหรือประโยคที่ถูกต้อง 

        ข้อควรระวังในส่วนนี้คือคำศัพท์ที่โจทย์ให้มานั้น ถ้าไม่เป็นคำที่มีความหมายคล้ายกัน แต่มีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปแล้ว ก็จะเป็นคำศัพท์ที่ล้วนดูเข้ากันกับสถานการณ์ในบทความ ซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจความต่างหรือการใช้คำศัพท์เหล่านั้นแล้ว ก็จะทำให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องไม่ได้

        2.2 ข้อที่ 61-70 ในส่วนของพาร์ทนี้ข้อสอบจะให้มาหนึ่งบทความต่อหนึ่งข้อ ซึ่งโจทย์จะไม่ได้ให้คำถามมา เราต้องหาคำตอบที่เกี่ยวข้องกับบทความในข้อนั้นๆเอง เน้นการจับใจความเป็นหลัก 

        ความยากในส่วนนี้แม้จะมีไม่ค่อยมากเมื่อเทียบกับพาร์ทการอ่านในส่วนแรกและส่วนสุดท้ายแล้ว แต่ก็ไม่ควรดูเบาโดยเด็ดขาด เพราะตัวเลือกในพาร์ทนี้ต้องอาศัยการตีความเป็นอย่างมาก ถ้าอ่านไม่ดีหรือตีความไม่ถูกต้องก็อาจจะเผลอไปตอบผิดได้ง่ายๆ

        2.3 ข้อที่ 71-90 พาร์ทนี้บทความที่ข้อสอบให้มาจะค่อนข้างยาว ซึ่งหนึ่งบทความจะมีคำถามประมาณสามถึงสี่ข้อ พาร์ทนี้จะเน้นทั้งด้านการจับใจความและการคิดวิเคราะห์ ในบางครั้งโจทย์อาจถามว่าเราควรตั้งชื่อให้บทความว่าอะไร ดังนั้นเราจึงไม่สามารถแค่มองผ่านๆได้ 

        สิ่งที่ควรระวังอย่างยิ่งคือเวลาในการทำข้อสอบ ถ้ามัวแต่อ่านบทความก็จะทำให้เหลือเวลาไม่มากพอที่จะทำข้อสอบในส่วนอื่น ซึ่งอาจทำให้เราเสียคะแนนไปโดยเปล่าประโยชน์

The example of reading part in HSK5 Chinese Language test.

 

  1. การเขียน 10 ข้อ

        พาร์ทนี้อาจะถือได้ว่าเป็นพาร์ทที่ยากที่สุดสำหรับเพื่อนๆหลายๆคนก็ว่าได้ ซึ่งข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน :

        3.1 ข้อที่ 91-98 พาร์ทการเขียนในส่วนนี้ ข้อสอบจะให้คำเรามาประมาณสี่ถึงหกคำ แล้วให้เรานำคำเหล่านั้นมาเรียงประโยคให้ถูกต้อง และมีความหมาย

        ซึ่งความยากในพาร์ทนี้คือเราต้องแม่นไวยากรณ์ และคุ้นเคยกับรูปแบบการเรียงประโยคของจีน เพราะถ้าเรียงผิดแค่ตัวเดียวก็ทำให้เสียคะแนนในข้อนั้นได้เลยฟรีๆ

        3.2 ข้อที่ 99-100 ข้อสอบส่วนนี้อาจรียกได้ว่าเป็นพาร์ทการเขียนจริงๆ เพราะข้อสอบจะให้เราเขียนบทความสั้นๆประมาณ 80 ตัวอักษรมาสองบทความ โดยจะแบ่งเป็นโจทย์ให้คำศัทพ์มา 5 คำแล้วให้เรานำไปแต่งเป็นเรื่องเล่ามาหนึ่งบทความ กับโจทย์ที่จะให้รูปภาพมาหนึ่งรูป แล้วให้เราแต่งเรื่องราวที่สอดคล้องกับรูปมาหนึ่งบทความ

        เพื่อนๆ เผลอคิดว่าการให้เขียนบทความเป็นเรื่องง่ายๆล่ะ เพราะเราจะต้องเขียนให้ได้ประมาณ 80 ตัวจริงๆ หรือก็คือไม่น้อยกว่า 70 แต่ก็ต้องไม่มากกว่า 90 ตัวนั่นเอง ถ้าเราเขียนเรื่องเล่าสั้นเกินหรือยาวเกินไป ก็จะทำให้โดนหักคะแนนเพิ่มอีกด้วย

        ความยากของพาร์ทนี้ไม่เพียงอยู่ที่เราต้องรู้ศัพท์จีนมากพอหรือไวยากรณ์ต้องเป๊ะเพียงเท่านั้น หลายๆคนมักจะพลาดท่าให้กับเรื่องเขียนตัวจีนผิดไปขีดสองขีด หรือเวลาในการทำข้อสอบไม่เพียงพอ ดังนั้นผู้เข้าสอบจึงเพิ่มความระมัดระวัง อย่ามัวแต่เสียเวลาไปกับการแต่งเรื่องเขียนบทความให้มากนัก

The example of writing part in HSK5 Chinese Language test.


 

        หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว เพื่อนๆ คงเห็นกันแล้วว่าการมีคะแนน HSK5 นั้นมีประโยชน์อย่างมาก ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้ ยังช่วยให้เราหาหนทางในอนาคตได้ง่ายขึ้น

        แน่นอนว่าการทำข้อสอบ HSK5 นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องด้วยภาษาจีนในข้อสอบมีความยากในระดับเดียวกับที่ชาวจีนใช้ทั่วไป ดังนั้นถ้าผู้เข้าสอบไม่ได้เตรียมตัวมามากพอ หรือมีเทคนิคช่วยในการทำข้อสอบแล้ว ก็คงยากที่จะสอบผ่านได้ เพราะแม้แต่ผู้ที่เรียนภาษาจีนมาหลายปี ก็ยังมีบางคนที่ยังสอบไม่ผ่าน หรืออาจสอบผ่านแต่คะแนนที่ได้ก็พอผ่านเกณฑ์เท่านั้น

        แต่ถ้าเพื่อนๆ อยากที่จะสอบผ่าน HSK5 ผ่านก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแค่เพื่อนๆ มีการเตรียมตัวให้พร้อม ด้วยการลงเรียนคอร์สติวสอบ HSK5 กับครูพี่นิว การันตีได้เลยว่าเปอร์เซ็นต์การสอบผ่านก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัวแน่นอน

 

HSK5 test preparation course with New tutor is guarantee 200 points up.

 

คอร์สติว HSK5 กับครูพี่นิวดีอย่างไรบ้าง?

  • สอนทำข้อสอบครบทุกพาร์ท ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทฟัง อ่าน หรือเขียน
  • รวบรวมคำศัพท์ที่มักพบ ทั้งคำที่มีความหมายคล้ายคลึงกันหรือคำที่มักใช้คู่กัน
  • รวมครบไวยากรณ์ที่มักพบบ่อย พร้อมข้อควรระวังและตัวอย่างการใช้งาน
  • แชร์เทคนิคที่ควรรู้ แบบที่เจอข้อสอบปุ๊บก็ตอบได้ปั๊บ
  • รวมข้อสอบกว่า 600 ข้อให้ได้ลับฝีมือและเตรียมความพร้อม
  • ส่งการบ้านพาร์ทการเขียนให้ครูพี่นิวตรวจแก้ไข พร้อมให้คะแนนเสมือนสอบจริง
  • ทดลองสอบข้อสอบเสมือนจริงพร้อมจับเวลาได้ฟรี พร้อมสรุปคะแนนให้ทันที


 

Red Facebook inbox button with the mouse click.