7 หมวดศัพท์ที่มักสับสน (Confusing Words) ในข้อสอบ TOEIC® พร้อมวิธีจำ

Affect vs. Effect

Affect (v.) = กระทบ, ส่งผลต่อ, มีผลกระทบ
Effect (n.) = ผล, ผลกระทบ
Effect (v.) = ทำให้เกิด, ทำให้สำเร็จ (ใช้น้อย)

ตัวอย่าง

• The new policy will affect all employees. (กระทบทุกคน - กริยา)
• The effect of the policy is positive. (ผลกระทบเป็นบวก - คำนาม)

✅วิธีจำ

Affect = Action (กริยา)

Effect = End result (ผลลัพธ์/คำนาม)

Accept vs. Except

Accept (v.) = ยอมรับ, รับเข้า
Except (prep.) = ยกเว้น, นอกจาก

ตัวอย่าง

• We accept all major credit cards. (เรารับบัตรเครดิต)
• All staff members except John attended the meeting. (ทุกคนยกเว้นจอห์น)

✅วิธีจำ 

Except มี Ex = Exclude (ไม่รวม, ยกเว้น)

Advice vs. Advise

Advice (n.) = คำแนะนำ
Advise (v.) = แนะนำ, ให้คำแนะนำ

ตัวอย่าง

• Thank you for your advice. (ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ)
• I advise you to apply early. (ฉันแนะนำให้คุณสมัครเร็วๆ)

✅วิธีจำ 

คำนามมักลงท้าย -ice, กริยามักลงท้าย -ise/-ize

Compliment vs. Complement

Compliment (n./v.) = คำชม, การชมเชย
Complement (n./v.) = สิ่งที่เสริม, ส่วนเติมเต็ม

ตัวอย่าง

• She received many compliments on her presentation. (ได้รับคำชม)
• The new system complements our existing process. (เสริมกระบวนการที่มี)

✅วิธีจำ

Compliment = I like (ฉันชอบ-ชม), Complement = Complete (เติมเต็ม)

Compliment vs. Complement

Compliment (n./v.) = คำชม, การชมเชย
Complement (n./v.) = สิ่งที่เสริม, ส่วนเติมเต็ม

ตัวอย่าง

• She received many compliments on her presentation. (ได้รับคำชม)
• The new system complements our existing process. (เสริมกระบวนการที่มี)

✅วิธีจำ

Compliment = I like (ฉันชอบ-ชม), Complement = Complete (เติมเต็ม)

Principal vs. Principle

Principal (n.) = ผู้อำนวยการ, เงินต้น
Principal (adj.) = หลัก, สำคัญที่สุด
Principle (n.) = หลักการ, หลักคำสอน, ธรรมเนียม

ตัวอย่าง

• The principal reason for the change is cost reduction. (เหตุผลหลัก - คุณศัพท์)
• We must follow the company's principles. (หลักการของบริษัท)

✅วิธีจำ

Principal = pal (เพื่อน/คน), Principle = rule (กฎ/หลักการ)

Assure vs. Ensure vs. Insure

Assure (v.) = รับรอง, ให้ความมั่นใจ (ใช้กับคน)
Ensure (v.) = ทำให้แน่ใจ, รับประกันว่า (ใช้กับเหตุการณ์/สิ่งของ)
Insure (v.) = ทำประกัน

ตัวอย่าง

• I assure you that we will deliver on time. (ฉันรับรองคุณ)
• Please ensure all documents are complete. (กรุณาตรวจให้แน่ใจ)
• We need to insure the shipment. (ต้องทำประกันสินค้า)

✅วิธีจำ

• Assure = คน (A person)
• Ensure = สิ่งของ/เหตุการณ์ (Events)
• Insure = ประกัน (Insurance)

Borrow vs. Lend vs. Loan

Borrow (v.) = ยืม (จากคนอื่น)
Lend (v.) = ให้ยืม (แก่คนอื่น)
Loan (n.) = เงินกู้, สินเชื่อ
Loan (v.) = ให้กู้ (ใช้ในอเมริกัน)

ตัวอย่าง

• Can I borrow your pen? (ขอยืมปากกาได้ไหม - ฉันยืม)
• I can lend you some money. (ฉันให้คุณยืมเงินได้)
• He applied for a loan. (เขาสมัครขอสินเชื่อ)

✅วิธีจำ

Borrow = ฉันรับ, Lend = ฉันให้

Economic vs. Economical

Economic (adj.) = เกี่ยวกับเศรษฐกิจ
Economical (adj.) = ประหยัด, คุ้มค่า

ตัวอย่าง

• The economic situation is improving. (สถานการณ์เศรษฐกิจ)
• This car is very economical. (รถคันนี้ประหยัด)

✅วิธีจำ

Economic = about economy (เกี่ยวกับเศรษฐกิจ)

Economical = save money (ประหยัด)

Beside vs. Besides

Beside (prep.) = ข้างๆ, ติดกับ
Besides (prep./adv.) = นอกจาก, ยิ่งไปกว่านั้น

ตัวอย่าง

• Please sit beside me. (นั่งข้างๆ ฉัน)
• Besides English, she speaks French. (นอกจากอังกฤษ เธอพูดฝรั่งเศสด้วย)

✅วิธีจำ

Beside = by the side (ข้างๆ)

Besides = Be + sides = in addition (นอกจาก)

Between vs. Among

Between = ระหว่าง (2 สิ่ง หรือสิ่งที่ระบุชัดเจน)
Among = ท่ามกลาง (3 สิ่งขึ้นไป หรือกลุ่ม)

ตัวอย่าง

• The meeting is between the CEO and CFO. (ระหว่าง 2 คน)
• She is popular among her colleagues. (ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานหลายคน)

✅วิธีจำ

Between = Two (2)

Among = A group (กลุ่ม)

In vs. On vs. At (สถานที่)

In = ใน (พื้นที่กว้าง, บรรยากาศ)
On = บน (พื้นผิว)
At = ที่ (จุดเฉพาะเจาะจง)

ตัวอย่าง

• She works in Bangkok. (ในเมืองกรุงเทพ)
• The office is on Sukhumvit Road. (บนถนนสุขุมวิท)
• Meet me at the train station. (ที่สถานีรถไฟ - จุดเฉพาะ)

In vs. On vs. At (เวลา)

In = ใน (เดือน, ปี, ช่วงเวลายาว)
On = ใน (วัน, วันที่)
At = ตอน (เวลาเฉพาะ)

ตัวอย่าง

• The conference is in March. (ในเดือนมีนา)
• The deadline is on Monday. (ในวันจันทร์)
• The meeting starts at 3:00 PM. (ตอน 3 โมงเย็น)

✅วิธีจำ: ยิ่งเฉพาะเจาะจง ยิ่งใช้ at

For vs. Since vs. During

For = เป็นระยะเวลา (ระบุความยาว)
Since = ตั้งแต่ (จุดเริ่มต้น)
During = ในระหว่าง, ช่วงระหว่าง

ตัวอย่าง

• I have worked here for five years. (เป็นเวลา 5 ปี)
• I have worked here since 2020. (ตั้งแต่ปี 2020)
• I visited Paris during the summer. (ในระหว่างฤดูร้อน)

✅วิธีจำ

For = ระยะเวลา, Since = จุดเริ่มต้น, During = ช่วงเหตุการณ์

Efficient vs. Effective

Efficient (adj.) = มีประสิทธิภาพ (ทำได้เร็ว ประหยัดทรัพยากร)
Effective (adj.) = มีประสิทธิผล (ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ)

ตัวอย่าง

• This new machine is very efficient. (เครื่องใหม่ทำงานได้เร็วและประหยัด)
• The training program was effective. (โปรแกรมฝึกอบรมได้ผลดี)

✅วิธีจำ 

Efficient = Fast + Less waste (เร็วและไม่เสีย)

Effective = Get results (ได้ผล)

Sensible vs. Sensitive

Sensible (adj.) = มีเหตุผล, สมเหตุสมผล
Sensitive (adj.) = ละเอียดอ่อน, อ่อนไหว

ตัวอย่าง

• That's a sensible decision. (การตัดสินใจที่สมเหตุสมผล)
• She is very sensitive to criticism. (เธออ่อนไหวกับคำวิจารณ์)

✅วิธีจำ 

Sensible = Sense = makes sense (สมเหตุผล) 

Sensitive = Emotion (อารมณ์อ่อนไหว)

Personal vs. Personnel

Personal (adj.) = ส่วนตัว, เป็นการส่วนบุคคล
Personnel (n.) = บุคลากร, พนักงาน

ตัวอย่าง

• This is my personal opinion. (ความเห็นส่วนตัว)
• The personnel department handles recruitment. (แผนกบุคคล)

✅วิธีจำ 

Personnel มี 2 n = multiple people (หลายคน)

Require vs. Request vs. Acquire

Require (v.) = ต้องการ, จำเป็นต้องมี (บังคับ)
Request (v./n.) = ขอร้อง, คำขอ (สุภาพ)
Acquire (v.) = ได้มา, ได้รับ

ตัวอย่าง

• All employees are required to attend. (จำเป็นต้องเข้าร่วม)
• I request your assistance. (ขอความช่วยเหลือ)
• The company acquired new equipment. (บริษัทได้อุปกรณ์ใหม่มา)

Raise vs. Rise vs. Arise

Raise (v.) = ยก, เพิ่ม (กรรมตรง - ต้องมีกรรม)
Rise (v.) = ขึ้น, เพิ่มขึ้น (กรรมไม่ตรง - ไม่ต้องมีกรรม)
Arise (v.) = เกิดขึ้น, เกิดปัญหา

ตัวอย่าง

• The company will raise salaries. (บริษัทจะขึ้นเงินเดือน - มีกรรม)
• Prices are rising. (ราคากำลังขึ้น - ไม่มีกรรม)
• A problem has arisen. (เกิดปัญหาขึ้น)

✅วิธีจำ 

Raise ต้องมีกรรม (raise something)

Rise ไม่ต้องมีกรรม (something rises)

Lay vs. Lie

Lay (v.) = วาง (กรรมตรง - ต้องมีกรรม) - laid, laid
Lie (v.) = นอน, อยู่ (กรรมไม่ตรง - ไม่มีกรรม) - lay, lain
Lie (v.) = โกหก - lied, lied

ตัวอย่าง

• Please lay the documents on the table. (กรุณาวางเอกสารบนโต๊ะ)
• I need to lie down. (ฉันต้องนอนพัก)
• He lied about his experience. (เขาโกหกเกี่ยวกับประสบการณ์)

✅วิธีจำ 

Lay ต้องมีกรรม (lay something)

Lie ไม่มีกรรม

Remember vs. Remind vs. Recall

Remember (v.) = จำได้, ระลึกได้
Remind (v.) = เตือน, ย้ำเตือน
Recall (v.) = เรียกคืน, นึกขึ้นได้

ตัวอย่าง

• I remember meeting you last year. (ฉันจำได้ว่าเคยเจอคุณ)
• Please remind me to call him. (ช่วยเตือนฉันโทรหาเขา)
• The company recalled the defective products. (บริษัทเรียกสินค้าชำรุดคืน)

Salary vs. Wage

Salary (n.) = เงินเดือน (จ่ายรายเดือน, พนักงานประจำ)
Wage (n.) = ค่าจ้าง (จ่ายรายชั่วโมง/รายวัน, แรงงาน)

ตัวอย่าง

• Her annual salary is $50,000. (เงินเดือนต่อปี)
• The minimum wage has increased. (ค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น)

Customer vs. Client vs. Consumer

Customer = ลูกค้า (ซื้อสินค้าทั่วไป)
Client = ลูกค้า (ใช้บริการมืออาชีพ เช่น ทนาย, ที่ปรึกษา)
Consumer = ผู้บริโภค (ใช้สินค้า/บริการ, มุมมองกว้าง)

ตัวอย่าง

• The store has many loyal customers. (ร้านมีลูกค้าประจำมาก)
• The law firm serves corporate clients. (สำนักงานกฎหมายให้บริการลูกค้าองค์กร)
• Consumers are demanding eco-friendly products. (ผู้บริโภคต้องการสินค้าเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม)

Price vs. Cost vs. Fee vs. Charge

Price (n.) = ราคา (ที่ขาย)
Cost (n.) = ต้นทุน, ค่าใช้จ่าย
Fee (n.) = ค่าธรรมเนียม (บริการมืออาชีพ)
Charge (n./v.) = เรียกเก็บ, ค่าบริการ

ตัวอย่าง

• The price of the product is $100. (ราคาสินค้า)
• The cost of production has increased. (ต้นทุนการผลิต)
• The lawyer's fee is $500 per hour. (ค่าบริการทนาย)
• There is no charge for delivery. (ไม่มีค่าบริการจัดส่ง)

Meeting vs. Conference vs. Seminar vs. Workshop

Meeting = การประชุม (ทั่วไป, ขนาดเล็ก)
Conference = การประชุมใหญ่ (หลายวัน, หลายคน)
Seminar = การสัมมนา (บรรยาย, มีวิทยากร)
Workshop = การอบรม (ลงมือทำ, ฝึกปฏิบัติ)

ตัวอย่าง

• We have a team meeting every Monday. (ประชุมทีมทุกจันทร์)
• The international conference will be held in July. (ประชุมระดับนานาชาติ)
• Attend the marketing seminar tomorrow. (เข้าสัมมนาการตลาด)
• Join our Excel workshop. (เข้าอบรม Excel)

Increase vs. Decrease vs. Improve

Increase (v./n.) = เพิ่ม, เพิ่มขึ้น (ตัวเลข, ปริมาณ)
Decrease (v./n.) = ลด, ลดลง (ตัวเลข, ปริมาณ)
Improve (v.) = ปรับปรุง, ดีขึ้น (คุณภาพ)

ตัวอย่าง

• Sales increased by 20%. (ยอดขายเพิ่มขึ้น 20%)
• Costs decreased significantly. (ต้นทุนลดลงอย่างมาก)
• We need to improve customer service. (ต้องปรับปรุงการบริการลูกค้า)

✅วิธีจำ 

Increase/Decrease = ตัวเลข

Improve = คุณภาพ

Interested vs. Interesting

Interested (adj.) = รู้สึกสนใจ (อธิบายความรู้สึกของคน)
Interesting (adj.) = น่าสนใจ (อธิบายลักษณะของสิ่งของ)

ตัวอย่าง

• I am interested in this position. (ฉันสนใจตำแหน่งนี้)
• This is an interesting project. (โปรเจกต์นี้น่าสนใจ)

✅กฎทั่วไป

• -ed: คนรู้สึก (bored, excited, confused)
• -ing: สิ่งของทำให้รู้สึก (boring, exciting, confusing)

High vs. Tall

High = สูง (ความสูงจากพื้นดิน, ระดับ)
Tall = สูง (คน, ต้นไม้, อาคาร)

ตัวอย่าง

• The building is very tall. (อาคารสูงมาก)
• Prices are high. (ราคาสูง)
• The mountain is high. (ภูเขาสูง)

Everyday vs. Every day

Everyday (adj.) = ธรรมดา, ประจำวัน (ขึ้นเป็นคำเดียว)
Every day (adv.) = ทุกวัน (แยกเป็น 2 คำ)

ตัวอย่าง

• These are everyday items. (สิ่งของใช้ประจำวัน)
• I go to work every day. (ฉันไปทำงานทุกวัน)