MBA จุฬา ข้อมูลแนะแนวครบจบในบทเดียว

สำหรับการเรียนต่อปริญญาโท หลักสูตรที่นิยมมากอีกหนึ่งสาขาก็คือ MBA เพราะสามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลายอาชีพ ทักษะการบริหารธุรกิจและการจัดการ เป็นสิ่งที่หลายๆ คนสนใจ และ MBA จุฬาฯ ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมสำหรับคนกลุ่มนี้ ครั้งนี้จึงเป็นการนำเสนอข้อมูลแนะแนวเกี่ยวกับการเรียนต่อ MBA จุฬาฯ โดยเฉพาะ

MBA จุฬา ข้อมูลแนะแนวครบจบในบทเดียว

รู้จักกับ MBA จุฬา

MBA ย่อมาจาก Master of Business Administration หนึ่งในหลักสูตรที่เปิดสอนภายใต้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ MBA Regular, MBA Young Executive, MBA Executive และ MBA English Program ซึ่งทั้ง 4 รูปแบบมีระยะเวลา 2 ปี แต่จะแตกต่างในเรื่องของวันและเวลาเรียน ดังนี้

MBA Regular เป็นหลักสูตร Full-Time เรียนเต็มเวลาในวันธรรมดา
MBA Young Executive เป็นหลักสูตร Part-Time เรียนช่วงเย็นวันธรรมดา หรือเสาร์-อาทิตย์ MBA Executive เป็นหลักสูตร Part-Time เรียนนอกเวลาราชการในวันศุกร์และเรียนวันเสาร์เต็มวัน
MBA English Program เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ Part-Time เรียนนอกเวลาราชการในวันธรรมดา

นอกจากเวลาเรียนแล้ว สิ่งที่แตกต่างกันก็คือเนื้อหาของหลักสูตรที่แตกต่างกันในรายละเอียดแต่ในภาพรวมแล้วยังเป็นเรื่องของการบริหารธุรกิจและการจัดการ ทั้งนี้คุณสมบัติของผู้สมัครในการสมัครเรียนต่อ MBA จุฬา ทั้ง 4 รูปแบบนี้ยังแตกต่างกันด้วย

MBA จุฬา คุณสมบัติ

ข้อแตกต่างที่สำคัญอีกอย่างในการสมัคร MBA จุฬา ทั้ง 4 รูปแบบก็คือคุณสมบัติที่ต้องการแตกต่างกันออกไป ดังนี้

MBA Regular จุฬา

สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาใดก็ได้
หากเลือกเรียน Plan A (วิทยานิพนธ์) ไม่มีประสบการณ์การทำงาน สามารถสมัครได้ แต่ถ้าหากเลือกเรียน Plan B (โครงการพิเศษ) ต้องมีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 1 ปี
มีคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษตามเกณฑ์คือ
- CU-TEP หรือ CU-TEP (E-Testing) ขั้นต่ำ 60 คะแนน หรือ
- IELTS ขั้นต่ำ 5.5 คะแนน หรือ
- TOEFL (IBT) ขั้นต่ำ 60 คะแนน หรือ
- TOEFL (ITP) ขั้นต่ำ 500 คะแนน
มีผลคะแนน CU-BEST

MBA Young Executive จุฬา

สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาใดก็ได้
มีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 3 ปี สาขาใดก็ได้
มีคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษตามเกณฑ์คือ
- CU-TEP หรือ CU-TEP (E-Testing) ขั้นต่ำ 65 คะแนน หรือ
- IELTS ขั้นต่ำ 6.0 คะแนน หรือ
- TOEFL (IBT) ขั้นต่ำ 65 คะแนน หรือ
- TOEFL (ITP) ขั้นต่ำ 520 คะแนน
มีผลคะแนน CU-BEST

MBA Executive จุฬา

สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาใดก็ได้
มีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 8 ปี ในระดับบริหารธุรกิจ
อายุ 30 ปีขึ้นไป
มีคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษตามเกณฑ์คือ
- CU-TEP ขั้นต่ำ 45 คะแนน หรือ
- IELTS ขั้นต่ำ 4.0 คะแนน หรือ
- TOEFL (IBT) ขั้นต่ำ 45 คะแนน หรือ
- TOEFL (ITP) ขั้นต่ำ 450 คะแนน

MBA English Program จุฬา

สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาใดก็ได้
มีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 1 ปี สาขาใดก็ได้
มีคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษตามเกณฑ์คือ
- CU-TEP หรือ CU-TEP (E-Testing) ขั้นต่ำ 70 คะแนน หรือ
- IELTS ขั้นต่ำ 6.5 คะแนน หรือ
- TOEFL (IBT) ขั้นต่ำ 70 คะแนน หรือ
- TOEFL (ITP) ขั้นต่ำ 540 คะแนน
มีผลคะแนน CU-BEST หรือ GMAT

ตารางสรุปคุณสมบัติเพื่อสมัคร MBA จุฬา

	MBA Regular	MBA Young Executive	MBA Executive	MBA English Program
ประสบการณ์การทำงาน (ปี)	0 หรือ 1	3	8	1
CU-TEP	60	65	45	70
IELTS	5.5	6.0	4.0	6.5
TOEFL (IBT)	60	65	45	70
TOEFL (ITP)	500	520	450	540
CU-BEST	ใช้	ใช้	ไม่ใช้	ใช้

หมายเหตุ คะแนนทดสอบภาษาอังกฤษ CU-TEP, IELTS, TOEFL (IBT) และ TOEFL (ITP) สามารถเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งได้ เพื่อระบุคุณสมบัติผู้สมัครหลักสูตร MBA จุฬา

MBA จุฬา ค่าเทอม

MBA Regular จุฬา ตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 113,500 บาท
MBA Young Executive จุฬา ตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 401,500 บาท
MBA Executive จุฬา ตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 603,500 บาท
MBA English Program จุฬา ตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 431,500 บาท

ตารางแสดงรายละเอียดค่าเทอม MBA จุฬา (โดยประมาณ)

	MBA Regular	MBA Young Executive	MBA Executive	MBA English Program
ภาคปกติ (บาท/เทอม)	24,500	24,500	24,500	24,500
ภาคฤดูร้อน (บาท/เทอม)	7,750	7,750	7,750	7,750
ค่าธรรมเนียมพิเศษภาคปกติ (บาท/เทอม)	-	57,000	95,000	62,000
ค่าธรรมเนียมพิเศษภาคฤดูร้อน (บาท/เทอม)	-	30,000	55,000	35,000

หมายเหตุ ข้อมูลในบทความเป็นข้อมูล ณ ปี พ.ศ. 2565 ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆ อาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา ผู้สมัครต้องศึกษาจากเว็บไซต์ทางการ MBA จุฬาฯ ควบคู่ไปด้วยเสมอ

สำหรับใครที่สนใจและมีแผนการที่เรียนต่อ MBA จุฬา ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในเรื่องของคะแนนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติผู้สมัคร รวมถึงการวางแผนด้านการเงินไปจนถึงในเรื่องของเวลาในการเล่าเรียน สำหรับ MBA Regular จะค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่ต้องการเรียนต่อและใช้เวลาเต็มที่ในการเรียน ส่วนคนที่ทำงานไปเรียนไป จะเหมาะกับหลักสูตร Part-Time อย่าง MBA Young Executive, MBA Executive และ MBA English Program มากกว่า ทั้งนี้ก็ต้องดูคุณสมบัติให้สอดคล้องกับหลักสูตรนั้นๆ ด้วย