ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว: รวม 20 ประโยคตอบคำถามตม.เป็นภาษาอังกฤษ!

ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว: รวม 20 ประโยคตอบคำถามตม.เป็นภาษาอังกฤษ!

อีกสิ่งที่พวกเราต้องรู้และเตรียมตัวกันเวลาท่องเที่ยวต่างประเทศ นั่นก็คือการตอบคำถามผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือตม. ค่ะ ครูดิวรวมประโยคสำหรับตอบคำถามตม.ยอดฮิต ที่เรามั่นใจได้เลยค่ะว่าได้ใช้แน่นอนมากกว่า 20 ประโยคด้วย

ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว

รวม 20 คำถามตอบตม.เป็นภาษาอังกฤษ

 

คำถามที่ 1

Passport, please.
/พาสปอร์ท (หรือ) แพสปอร์ท-พลีส/

รบกวนขอพาสปอร์ตด้วยครับ/ค่ะ

        นี่คือคำถามยอดฮิตของตม. เลยที่จะถามเราเป็นอับดับแรกคือขอให้เรายื่นพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจเช็คว่าได้รับอนุญาตแล้วใช่หรือไม่ ปั๊มตราวีซ่าเข้าประเทศให้แล้วหรือยัง ตรงนี้ง่าย ๆเลยค่ะ แค่เรายื่นให้เขาไป แต่คำถามคือถ้าเราต้องการตอบรับด้วยประโยคภาษาอังกฤษว่า “นี่ครับ/ค่ะ” เราควรจะพูดเป็นภาษาอังกฤษยัง พูดตามนี้เลยค่ะ

 

Here you go.
/เฮีย-ยู-โก/

หรือ

There you are.
/แด-ยู-อาร์/

        ทั้งสองประโยคนี้ความหมายเดียวกันเลยค่ะคือ “นี่ครับ/ค่ะ(รับไป)” ใช้พูดตอนที่เรากำลังยื่นสิ่งของให้คนอื่นได้ทุกอย่างเลยค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้ตอนยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ตม. อย่างเดียวก็ได้ค่ะ มาดูตัวอย่างบทสนทนากันค่ะ

ตัวอย่างบทสนทนา

A: Passport, please. (ขอพาสปอร์ตหน่อยครับ/ค่ะ)
B: Here you go. (นี่ครับ/ค่ะ)
A: Thank you. Let me see. (ขอบคุณครับ/ค่ะ เดี๋ยวขอดูหน่อยนะ)

        เพิ่มเติมให้กับคำถามขอดูพาสปอร์ตของเจ้าหน้าที่ตม. นอกจาก Passport, please. แล้วมีประโยคไหนบ้าง ครูดิวมาเพิ่มเติมให้ค่ะ

- Can I see your passport, please?
/แคน-ไน-ซี-เยอรฺ-พาสปอร์ท-พลีส/
ขอดูพาร์สปอร์ตหน่อยครับ/ค่ะ

- Could you give me your passport, please?
/คูด-ยู-กิฟ-มี-เยอรฺ-พาสปอร์ท-พลีส/
รบกวนส่งพาสปอร์ตมาให้หน่อยครับ/ค่ะ

        มาต่อกันที่คำถามตม. ต่อไปกันเลยค่ะ บางคนอาจต้องการตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวอย่างชื่อก็ต้องถามชื่อเรา เขาจะถามเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไรบ้างนอกจาก What is your name?

 

คำถามที่ 2

Can I have your name?
/แคน-ไน-แฮฟ-เยอรฺ-เนม/

หรือ

Name, please.
/เนม-พลีส/

        ตรงนี้จะเป็นการถามชื่อเราเพื่อตรวจสอบดูว่าเราบอกชื่อตรงกับพาสปอร์ตที่ยื่นไปให้หรือไม่เพื่อความถูกต้องค่ะ ก็แค่ตอบชื่อเราไปเลยหรือขึ้นต้นประโยคว่า My name is แล้วตามด้วยชื่อเราได้เลยค่ะ ตัวอย่างเช่น

ตัวอย่างบทสนทนา

A: Can I have your name, please? (รบกวนขอชื่อหน่อยครับ/ค่ะ)
B: My name is Susan Drake. (ฉันชื่อ ซูซาน เดรก ค่ะ)

        แค่นี้เลยค่ะ อย่าลืมนะคะชื่อเราต้องตรงกับพาสปอร์ตนะเพื่อความถูกต้องตามมาตรการตรวจคนเข้าเมืองค่ะ มาต่อกันที่คำถามต่อไปกันเลย

 

คำถามที่ 3

What’s the purpose of your visit?
/วอทส-เดอะ-เพอเพิร์ส-เสิฟ-เยอรฺ-วิสิท/

จุดประสงค์ที่คุณมาที่นี่คืออะไรครับ/ค่ะ

หรือ

What brings you here?
/วอท-บริงส-ยู-เฮีย/

คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ/ค่ะ

        ถือว่าเป็นคำถามที่ทุกคนต้องเจออยู่แล้วในด่านตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้เราต้องตอบเจ้าหน้าที่ไปตามความจริงว่าเราเข้าประเทศเพื่อไปทำอะไรนะคะ ตรงนี้ประโยคง่ายมากนะคะ

 

บอกว่า มาพักร้อน/มาเที่ยว

I am on vacation.
/ไอ-แอม-ออน-เวเคเชิน/

ฉันมาพักร้อน

หรือ

I’m here to travel.
/ไอม-เฮีย-ทู-แทรเวิล/

ฉันมาที่นี่เพื่อเที่ยว

 

ตัวอย่างบทสนทนา

A: What’s the purpose of your visit? (จุดประสงค์ที่คุณมาที่นี่คืออะไรครับ/ค่ะ)
B: I’m on vacation. (ฉันมาพักร้อนครับ/ค่ะ)

 

บอกว่า มาเรียนต่อ

I’m here to continue my study.
/ไอม-เฮีย-ทู-เคินทินิว-มาย-สตะดี/

ฉันมาที่นี่เพื่อเรียนต่อ

หรือ

I’m here to study.
/ไอม-เฮีย-ทู-สตะดี/

ฉันมาเรียนที่นี่

 

ตัวอย่างบทสนทนา

A: What brings you here? (คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ/ค่ะ)
B: I’m here to continue my study. (ฉันมาเรียนต่อที่นี่)
A: Where will you be studying? (คุณจะไปเรียนที่ไหนเหรอ)
B: At Harvard university. (เรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด)

 

บอกว่า เยี่ยมพ่อแม่หรือครอบครัว

I’m here to visit my parents.
/ไอม-เฮีย-ทู-วิสิท-มาย-แพเรนทฺส/

ฉันมาที่นี่เพื่อเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่

หรือ

I’m here to visit my family.
/ไอม-เฮีย-ทู-วิสิท-มาย-แฟเมอะลี/

ฉันมาที่นี่เพื่อเยี่ยมครอบครัว

 

ตัวอย่างบทสนทนา

A: What’s the purpose of your visit? (จุดประสงค์ที่คุณมาที่นี่คืออะไรครับ/ค่ะ)
B: I’m here to visit my family. (ฉันมาที่นี่เพื่อเยี่ยมครอบครัวของฉัน)
A: Where does your family live? (พวกเขาอาศัยอยู่ที่ไหน)
B: They are living in Tokyo. (พวกเขาอยู่ที่โตเกียว)

 

บอกว่า มาทำงาน

I’m here on business.
/ไอม-เฮีย-ออน-บิสเนิส/

ฉันมาทำธุรกิจ/ทำงานที่นี่

 

conver 4 เล่ม พูดคล่องท่องโลก!

หนังสือภาษาอังกฤษ สนทนาภาษาอังกฤษ

 

 

ตรงนี้ถ้าเราอาจจะถูกถามต่อว่าเรามาทำงานอะไรเขาจะถามด้วยคำถามนี้ค่ะ

What kind of business?

/วอท-ไคดฺ-เดิฟ-บิสเนิส/

ธุรกิจ/งานอะไร

ในการตอบคำถามนี้ง่ายมากค่ะให้ตอบไปแค่ประเภทของธุรกิจหรืองานที่เรามาทำนะคะเช่น มาเป็นครูก็ให้ตอบว่า Education /เอ-ดู-เค-เชิน/ มาทำงานด้านการศึกษา หรือมาทำงานเป็นอย่างอื่นเช่นเป็นไกด์เราก็ตอบประเภทธุรกิจของไกด์ว่า Tourism /ทอ-ริ-ซึม/ หรือการท่องเที่ยวค่ะ

ตัวอย่างบทสนทนา

A: What brings you here? (คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ/ค่ะ)
B: I’m here on business. (ฉันมาทำงานที่นี่)
A: What kind of business? (งานเกี่ยวกับอะไรครับ/ค่ะ)
B: Education. I’m a teacher. (การศึกษาครับ/ค่ะ ฉันเป็นครู)
A: Where will you be teaching? (จะไปสอนที่ไหนเหรอ)
B: I will be teaching at Seoul International School. (ฉันจะไปสอนที่โรงเรียนนานาชาติกรุงโซลครับ/ค่ะ)

มาต่อกันที่คำถามต่อไปที่จะมักจะถูกถามเลยค่ะ

 

คำถามที่ 4

Is this your first time here?
/อิส-ดิส-เยอรฺ-เฟิร์สทฺ-ไทม์-เฮีย/

คุณมาที่นี่ครั้งแรกใช่หรือไม่

        คำถามนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตที่ทุกคนถูกถามบ่อยที่สุด เพื่อเช็คประวัติเราให้แน่ใจว่าเคยมาหรือไม่ อันนี้ก็ต้องตอบตามตรงเช่นกันค่ะว่าครั้งแรกหรือเปล่า มาดูคำตอบกันค่ะว่าตอบแบบไหนได้บ้าง

 

Yes, it is my first time.
/เยส-อิท-อิส-มาย-เฟิร์สทฺ-ไทม์/

ใช่ครับ/ค่ะ นี่คือครั้งแรกของฉัน

 

No, it is my second time.
/โน-อิท-อิส-มาย-เซเคินดฺ-ไทม์/

ไม่ครับ/ค่ะ นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว

 

It is my third time.
/อิท-อิส-มาย-เธิร์ด-ไทม์/

นี่เป็นครั้งที่สามแล้วครับ/ค่ะ

        ในการบอกเลขครั้งให้บอกเป็นจำนวนเลขลำดับในภาษาอังกฤษนะคะ 1 คือ First, 2 คือ Second, 3 คือ Third, 4. Fourth, 5 คือ Fifth น้า

ตัวอย่างบทสนทนา

A: Is this your first time? (คุณมาที่นี่ครั้งแรกใช่ไหม)
B: Yes, it is my first time. (ใช่แล้ว นี่คือครั้งแรกของฉัน)

        เท่านี้ก็ช่วยคลายความสงสัยให้ตม. ได้แล้วค่ะว่าเราเคยมาหรือไม่เคยมาน้า ต่อดูคำถามต่อไปกันเลยค่ะ

 

คำถามที่ 5

Are you here alone?
/อาร์-ยู-เฮีย-อโลน/

มาที่นี่คนเดียวหรือเปล่า

        เป็นประโยคคำถามตม. ที่เราได้ยินบ่อยเช่นกันค่ะ เพราะ ตม.ต้องการเช็คให้แน่ใจว่าเรามาเป็นกลุ่มหรือมาคนเดียวก็แค่ตอบไปค่ะว่าเรามากันกี่คนหรือเรามาเที่ยวแบบลุยเดี่ยว โดยประโยคคำตอบให้ตอบไปตามนี้ค่ะ

 

Yes, I’m traveling here alone.
/เยส-ไอม-แทรเวลิง-เฮีย-อโลน/

ใช่ฉันเดินทางมาที่นี่คนเดียว

 

No, I’m with my friends.
/โน-ไอม-วิธ-มาย-เฟรนดฺส/

ไม่ครับ/ค่ะ ฉันมากับเพื่อน ๆ

 

No, I’m with my family.
/โน-ไอม-วิธ-มาย-แฟเมอะลี/

ไม่ครับ/ค่ะ ฉันมาที่นี่กับครอบครัว

 

No, I’m with my colleague/boss
/โน-ไอม-วิธ-มาย-คาลีกกฺ หรือ บอส/

ไม่ครับ/ค่ะ ฉันมาที่นี่กับเพื่อนร่วมงาน / หัวหน้า

ตัวอย่างบทสนทนา

A: Are you here alone? (คุณมาคนเดียวไหม)
B: Yes, I am traveling here alone. (ใช่ครับ/ค่ะ ฉันเดินทางมาคนเดียว)

        หรือถ้ามากับใครก็ตอบไปตามตรงเลยนะคะ มาต่อกันที่คำถามต่อไปค่ะ

 

คำถามที่ 6

Where are you from?
/แว-อาร์-ยู-เฟริม/

คุณมาจากไหนครับ/ค่ะ

หรือ

Where have you flown from?
/แว-แฮฟ-ยู-โฟลวนฺ-เฟริม/

คุณบินมาจากที่ไหนครับ/ค่ะ

        ในการตรวจเช็คข้อมูลบางครั้งเจ้าหน้าที่ตม. มักจะถามว่าเราเดินทางหรือบินมาจากที่ไหน ก็จะใช้คำถามนี้เลยค่ะ เราเพียงแค่ตอบไปก็พอว่าสถานที่ต้นทางของเราก่อนจะมาถึงนี่เรามาจากที่ไหนค่ะ เช่นมาจากประเทศไทยเราก็ตอบไปแค่ว่า Thailand ก็ได้ค่ะ 

ตัวอย่างบทสนทนา

A: Where have you flown from? (คุณบินมาจากที่ไหนครับ/ค่ะ)
B: I’ve flown from Thailand. (ฉันบินมาจากประเทศไทยครับ/ค่ะ)

        ต่อไปเป็นคำถามที่ยังไงเจ้าหน้าที่ตม. ส่วนใหญ่ต้องถามเราแน่ ๆค่ะ มักจะถูกถามกันเป็นส่วนใหญ่

 

คำถามที่ 7

What’s your occupation?
/วอทส-เยอรฺ-อาคิวเพเชิน/

หรือ

What’s your job?
/วอทส-เยอรฺ-จอบ/

หรือ

What do you do for a living?
/วอท-ดู-ยู-ดู-ฟอร์-เออะ-ลิวิง/

3 คำถามนี้แปลว่า “คุณทำอาชีพอะไรอยู่”

        คำถามตม. ในการถามอาชีพเราถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากเพราะเพื่อให้แน่ใจว่าเรามีงานการทำและจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าเราไม่มีเจตนาแอบแฝงด้วยการหาข้อมูลมารองรับความมั่นใจค่ะ ว่าเรามาที่นี่แปปเดียวและมีงานที่ทำให้เราต้องกลับประเทศไปทำแน่นอน ประโยคคำตอบให้พูดไปตามนี้เลยค่ะ แล้วเดี๋ยวไปดูตัวอย่างบทสนทนากันค่ะ


I am a/an __(อาชีพของเรา)__.
/ไอ-แอม-เออะ/เอิน-_(อาชีพของเรา)_/

ฉันทำอาชีพ____

ตัวอย่างบทสนทนา

A: What is your occupation? (คุณทำอาชีพอะไรครับ/ค่ะ)
B: I am an accountant. (ฉันเป็นนักบัญชีครับ/ค่ะ)

        โครงสร้างประโยคคำตอบแค่นี้เลยค่ะ ง่าย ๆ ทำอาชีพอะไรก็ตอบด้วยความมั่นใจไปเลยนะเธอ ถ้าเรามีใบรับรองอาชีพเป็นภาษาอังกฤษหรือนามบัตรของเราที่ระบุทั้งอาชีพและที่ทำงานของเราเป็นภาษาอังกฤษติดตัวมาด้วยจะดีมากเลยค่ะ มาที่คำถามต่อไปกันค่ะ

 

คำถามที่ 8

Where will you be staying?
/แว-วิล-ยู-บี-สเตย์อิง/

คุณจะไปพักที่ไหนครับ/ค่ะ

        คำถามต่อไปหลังจากสอบถามข้อมูลส่วนตัวเราแล้วก็จะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานที่พังพิงของเราว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนหลังจากเข้าประเทศ เพื่อความมั่นใจ ขอให้ตอบด้วยรูปประโยคนี้เลยค่ะ

 

I will be staying at __(สถานที่ที่เราจะเข้าพัก)__.
/ไอ-วิล-บี-สเตย์อิง-เอิท __(สถานที่ที่เราจะเข้าพัก)__/

ฉันจะพักอาศัยอยู่ที่____

ตัวอย่างบทสนทนา

A: Where will you be staying? (คุณจะเข้าพักที่ไหนครับ/ค่ะ)
B: I will be staying at the Maraika Hotel. (ฉันจะเข้าพักที่โรงแรมมาระอิกะครับ/ค่ะ)

        แต่ถ้าเรากลัวจำประโยคไปตอบไม่ได้ก็สามารถตอบเป็นชื่อสถานที่ที่เราพักได้เลยค่ะ เช่น พักที่โรงแรงแกรนด์โฮเทลก็ตอบไปได้เลยค่ะว่า “Grand Hotel.” ถ้าเรามีเอกสารใบที่บอกข้อมูลว่าเราจะเข้าพักที่นั่นกี่วัน วันไหนถึงวันไหนก็ขอให้พกไว้ด้วยนะคะ บางครั้งเจ้าหน้าที่ตม. อาจขอดูได้ค่ะ มาต่อกันที่คำถามต่อส่วนใหญ่สายหิ้วมักจะโดนถามน้า

 

conver 4 เล่ม พูดคล่องท่องโลก!

หนังสือภาษาอังกฤษ สนทนาภาษาอังกฤษ

 

คำถามที่ 9

Do you have anything to declare?
/ดู-ยู-แฮฟ-เอนีธิง-ทู-ดิแคลร์/

คุณมีอะไรจะสำแดงไหม

        ประโยคนี้เป็นประโยคที่ตม. ถามเราเพื่อเช็คค่ะว่าเรามีสินค้านำเข้าอะไรที่ต้องให้ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจไหม เช่นพืชผัก ผลไม้ อาหารต่าง ๆ หรือสินค้าที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย ในประโยคนี้สมมติว่าเรามีอาหารที่เรานำจากที่ไทยเพื่อไปฝากเพื่อนหรือญาติที่อยู่ในต่างประเทศ ครูขอแนะนำโครงสร้างประโยคนี้ไปใช้ค่ะ

 

I have some __(สิ่งของ)__ with me.
/ไอ-แฮฟ-ซัม _(สิ่งของ)_ วิธ-มี/

เช่น

I have some dried fruit with me.
/ไอ-แฮฟ-ซัม-ดรายดฺ-ฟรุท-วิธ-มี/

ฉันมีผลไม้แห้งมาด้วยครับ/ค่ะ

 

ในกรณีที่ไม่มีอะไรต้องสำแดงให้พูดว่า

No, I have nothing to declare.
/โน-ไอ-แฮฟ-นอทธิง-ทู-ดิแคลร์/

ไม่ ฉันไม่มีอะไรที่ต้องสำแดงครับ/ค่ะ

ตัวอย่างบทสนทนา

A: Do you have anything to declare? (คุณมีของอะไรต้องสำแดงไหมครับ/ค่ะ)
B: Yes, I have some local juice from Thailand with me. (มีครับ/ค่ะ ฉันมีน้ำผลไม้ท้องถิ่นจากประเทศไทยมาด้วย)
A: Show me, please. (รบกวนขอดูหน่อยครับ/ค่ะ)

        ขอให้พูดตามนี้เลยนะคะในกรณีที่มีหรือไม่มีน้า มาที่ประโยคคำถามต่อไปกันค่ะ

 

คำถามที่ 10

How much money do you have with you?
/ฮาว-มัช-มะนีย์-ดู-ยู-แฮฟ-วิธ-ยู/

คุณมีเงินติดตัวอยู่เท่าไหร่ครับ/ค่ะ

        บางครั้งตม. อาจถามเราเรื่องเงินสดที่เราพกเข้ามาเพื่อเอาไว้ใช้ในประเทศของเขา ในการตอบคำถามประโยคว่า ฉันมีเงินติดตัวในภาษาอังกฤษให้เราพูดว่า

 

I have __(จำนวนเงินและหน่วยเงิน)__ with me.
/ไอ-แฮฟ _(จำนวนเงินและหน่วยเงิน)_ วิธ-มี/
หรือ

I got __(จำนวนเงินและหน่วยเงิน)__ with me.
/ไอ-กอท _(จำนวนเงินและหน่วยเงิน)_ วิธ-มี/

        ทั้ง 2 ประโยคนี้แปลว่า “ฉันมีเงินติดตัวมา__(จำนวนเงินและหน่วยเงิน)_”

        เช่นสมมติว่าเราเดินทางไปที่สหรัฐอเมริกาเราแลกเงินมาแล้ว 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก็ให้เราพูดไปว่า

 

I got 10,000 dollars with me.
/ไอ-กอท-เทน-ธาวเซินดฺ-วิธ-มี/

ฉันมีเงินติดตัวมาหนึ่งหมื่นดอลลาร์ครับ/ค่ะ

ตัวอย่างบทสนทนา

A: How much money do you have with you? (คุณพกเงินติดตัวมาเท่าไหร่ครับ/ค่ะ)
B: I have 7,500 US dollars with me. (ฉันพกติดตัวมา 7,500 ดอลลาร์สหรัฐครับ/ค่ะ)

        จะใช้ I have หรือ I got ก็ได้ค่ะทั้งคู่แปลว่าฉันมี…เหมือนกันค่ะ ต่อไปเป็นคำถามที่คลาสสิกมาก ๆ ยังไงก็ต้องถูกถามแน่นอนค่ะ

 

คำถามที่ 11

How long will you be staying in _(ประเทศ)_?
/ฮาว-ลอง-วิล-ยู-บี-สเตย์อิง-อิน _(ประเทศ)_/

คุณจะอยู่ที่___นานแค่ไหน

        นี่เป็นคำถามที่ยังไงตม. ทุกคนต้องเช็คความมั่นใจจากผู้ที่เข้ามาในประเทศมีเรื่องเวลากลับที่แน่ชัด โดยเฉพาะที่เกาหลีใต้ค่ะ เจอคำถามนี้ให้ตอบเป็นภาษาอังกฤษแบบสั้น ๆเป็นจำนวนวันหรือสัปดาห์หรือเดือนที่เราจะอยู่เที่ยวหรือทำธุระที่ประเทศนี้เช่น มาเที่ยว 3 สัปดาห์ก็ตอบไปได้เลยค่ะว่า 3 Weeks

ตัวอย่างบทสนทนา

A: How long will you be staying in the United States? (คุณจะอยู่ในสหรัฐอเมริกานานแค่ไหนครับ/ค่ะ)
B: 3 Weeks. (3 สัปดาห์ครับ/ค่ะ)

        แค่นี้เลยค่ะ แต่จะต่อเติมก็ได้นะคะว่า “I will be staying here 3 weeks.” /ไอ-วิล-บี-สเตย์อิง-เฮีย-ธรี-วีกส/ ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ก็ได้เหมือนกันค่ะ มากันที่คำถามต่อไปค่ะ

 

คำถามที่ 12

When will you return to your home country?
/เวน-วิล-ยู-รีเทิร์น-ทู-เยอรฺ-โฮม-คันทรี/

คุณจะกลับประเทศของคุณเมื่อไหร่

หรือ

When are you going back home?
/เวน-อาร์-ยู-โกอิง-แบค-โฮม/

คุณจะกลับบ้านเมื่อไหร่

        ประโยคนี้เป็นคำถามจากตม. ที่ใช้ถามความแน่นอนของเราก่อนที่จะอนุญาตให้เราเข้าประเทศค่ะ การที่มีกำหนดการวันกลับที่ชัดเจนจะทำให้ตม.มั่นใจได้ว่าเราจะไม่มีการลักลอบอยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมายค่ะ เราสามารถตอบเป็นประโยคภาษาอังกฤษได้ง่าย ๆด้วย On + the วัน of เดือน+ ปี ของวันที่เราต้องกลับตามวันเวลาตั๋วขากลับได้เลย (ไม่จำเป็นต้องบอกปีก็ได้ค่ะถ้าขามากับขากลับเป็นปีเดียวกัน) เช่นเราต้องกลับวันที่ 15 มีนาคม 2023 ให้รอบตอบไปได้เลยค่ะว่า

 

“On the 15th of March 2023.”
/ออน-เดอะ-ฟิฟทีนธฺ-เอิฟ-มาร์ช-ทเวนที-แอนด์-ทเวนทีธรี/

ในวันที่ 15 มีนาคม 2023 ครับ/ค่ะ

ตัวอย่างบทสนทนา

A: When will you return to your home country? (คุณจะกลับประเทศของคุณเมื่อไหร่ครับ/ค่ะ)
B: On 3rd April 2023. (ในวันที่ 3 เมษายน 2023 ครับ/ค่ะ)

        หรือถ้าเราอยากตอบเป็นประโยคก่อนแล้วตามด้วยวันที่ก็ได้ค่ะ โดยโครงสร้างประโยคคำตอบคือ I’ll be returning home on + the วันที่เท่าไหร่ of เดือน + (ปี) ได้เลยค่ะ เช่น

 

“I’ll be returning home on the 21st of May.
/ไอล-บี-รีเทอร์นิง-โฮม-ออน-ทเวนที-เฟิร์สทฺ-เมย์/

ฉันจะกลับบ้านในวันที่ 21 พฤษภาคมครับ/ค่ะ

 

        หรือใช้อีกโครงสร้างประโยคนึงก็ได้ว่า I’m going back to my country on + the วันที่ of เดือน + (ปี) ก็ได้น้า เช่น

 

“I’m going back to my country on the 4th of June.
/ไอม-โกอิง-แบค-ทู-มาย-คันทรี-ออน-เดอะ-ฟอร์ธ-เอิฟ-จูน/

ฉันจะกลับประเทศในวันที่ 4 มิถุนายนครับ/ค่ะ

 

ตัวอย่างบทสนทนา

A: When are you going back home? (คุณจะกลับบ้านเมื่อไหร่ครับ/ค่ะ)
B: I’m going back to my country on the 11th of December. (ฉันจะกลับประเทศในวันที่ 11 ธันวาคมครับ/ค่ะ)

 

conver 4 เล่ม พูดคล่องท่องโลก!

หนังสือภาษาอังกฤษ สนทนาภาษาอังกฤษ

 

ดูคลิปครูดิวสอนพูดประโยคตอบคำถาม ตม.

คอร์สเรียนที่เกี่ยวข้อง
สินค้าที่เกี่ยวข้อง