การแก้สมการเอกซ์โพเนนเชียล
สมการเอกซ์โพเนนเชียลจะมีหลักการแก้ที่สำคัญดังนี้
1. ทำฐานให้เท่ากัน
หลักการคือเมื่อทำฐานทั้งสองข้างได้เท่ากันแล้ว จะได้ว่าเลขชี้กำลังของทั้งสองข้างต้องเท่ากันด้วย
ตัวอย่างการแก้สมการเอกซ์โพเนนเชียลโดยการทำฐานให้เท่ากัน
2x=16
ทำฐานทั้งสองข้างให้เท่ากัน นั่นคือฐาน 2 ดังนี้
2x=162x=24
เมื่อฐานทั้งสองข้างเท่ากัน แสดงว่าเลขชี้กำลังต้องเท่ากันด้วย จะได้
x=4
x=4
3x=127
ทำให้เป็นฐาน 3 เท่ากัน
3x=1273x=1333x=3−3
จะได้ว่า x=−3
x=−3
8(29x)=64x+3
ทำฐานให้เป็น 2 เหมือนกัน
8(29x)=64x+323⋅29x=(26)x+323+9x=26(x+3)
จะได้ว่า
3+9x=6(x+3)3+9x=6x+183x=15x=5
x=5
ข้อนี้อาจทำให้ฐานเป็น 8 ก็ได้เช่นกัน คือเปลี่ยน 29x=(23)3x=83x
2. ทำเลขชี้กำลังให้เท่ากัน
เมื่อเลขชี้กำลังทั้งสองข้างเท่ากัน แต่ฐานกลับไม่เท่ากัน เช่น ax=bx
ตัวอย่างการแก้สมการเอกซ์โพเนนเชียลโดยการทำเลขชี้กำลังให้เท่ากัน
3x−5=710−2x
จะเห็นว่า ฐานเป็นจำนวนเฉพาะไม่สามารถจัดรูปได้แล้ว จึงจัดเลขชี้กำลัง
3x−5=710−2x3x−5=7−2(x−5)3x−5=(7−2)x−53x−5=(149)x−5
ดังนั้น
x−5=0x=5
x=5
3. จัดให้อยู่ในรูปสมการพหุนามกำลังสอง
เราจะทำให้อยู่ในรูปสมการพหุนามกำลังสอง เพื่อแยกตัวประกอบหรือใช้สูตร x=−b±√b2−4ac2a
ตัวอย่างการแก้สมการเอกซ์โพเนนเชียลโดยการทำให้อยู่ในรูปสมการพหุนามกำลังสอง
22x+4⋅2x−5=0
จะเห็นว่า 22x สามารถจัดให้อยู๋ในรูป (2x)2 ได้ ดังนั้น
(2x)2+4⋅2x−5=0(2x+5)(2x−1)=02x=−5,1
แต่ 2x ติดลบไม่ได้ ดังนั้น
2x=1x=0
x=0
เทคนิคการแยกตัวประกอบคือถ้าใครไม่ถนัดแยกในรูป 2x ก็สามารถกำหนดสัญลักษณ์ เช่นให้ 2x=A จะได้สมการ
A2+4A−5=0
ซึ่งสามารถแยกตัวประกอบได้ง่ายกว่า แต่ข้อควรระวังคือเมื่อแก้หา A ได้แล้ว ยังไม่ใช่คำตอบ ต้องแทนค่า A ด้วย 2x กลับไป แล้วหา x อีกครั้ง
32x+3−55=28(3x−2)
ข้อนี้เราเห็นว่ามี 32x และ 3x อยู่ จึงจัดรูปโดยการแยกเลขชี้กำลังดังนี้
32x⋅33−55=28⋅3x−5627⋅(3x)2−28⋅3x+1=0(27⋅3x−1)(3x−1)=03x=127,1
จาก 3x=127 จะได้
3x=1333x=3−3x=−3
จาก 3x=1 จะได้
x=0
x=−3 หรือ x=0
4. ใช้การ take log
จะใช้วิธีนี้เมื่อไม่สามารถจัดทั้งฐานและเลขชี้กำลังให้เท่ากันได้เลย แต่วิธีนี้จำเป็นต้องรู้ค่า log ด้วย
ตัวอย่างการแก้สมการเอกซ์โพเนนเชียลโดยการ take log
3x=7x+2
จะเห็นว่า เราไม่สามารถจัดฐานให้เท่ากันได้ และไม่สามารถจัดเลขชี้กำลังให้เท่ากันได้เช่นกัน
จึงทำการ take log ทั้งสองข้าง เพื่อให้ x ลงมาอยู่ด้านล่าง
log3x=log7x+2xlog3=(x+2)log7(log3)x=(log7)x+2log7−2log7=(log7−log3)x
แทนค่า log3=0.4771 และ log7=0.8451
−2(0.8451)=(0.8451−0.4771)x−1.6902=0.3680x−4.5929=x
x=−4.5929
ค่า log เราหาได้จากการเปิดตารางลอการิทึม หรือการใช้เครื่องคำนวณเช่นเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
ในกรณีของการสอบ ถ้าต้องใช้โจทย์จะกำหนดมาให้ หรือไม่ก็ให้เราตอบในรูปติด log