อยากได้ GAT Eng 100+ ต้องเริ่มยังไง?

อยากได้ GAT Eng 100+ ต้องเริ่มยังไง?

อยากได้ GAT Eng 100+ ต้องเริ่มยังไง?

เราปฏิเสธไม่ได้ว่า คะแนน GAT เป็นอะไรที่สำคัญมากๆในการยื่นเข้าคณะต่างๆ อย่างที่น้องๆทราบกันดีว่าข้อสอบ GAT แบ่งออกเป็น 2 พาร์ท คือ

  • พาร์ทเชื่อมโยง 20 ข้อ 150 คะแนน (1.30 ชม.)
  • พาร์ทภาษาอังกฤษ 60 ข้อ 150 คะแนน (1.30 ชม.)

จากการสอบถามความรู้สึกของน้องๆหลายคน น้องๆส่วนใหญ่มีความกังวลกับพาร์ทภาษาอังกฤษมากกว่า

วันนี้พี่จึงอยากจะมาแชร์เทคนิคการทำคะแนน GAT ในส่วนของพาร์ทภาษาอังกฤษให้ได้สูงๆ ว่าน้องๆควรเตรียมตัวและเน้นเรื่องอะไรเป็นพิเศษ

นอกจากสิ่งที่พี่บอกข้างต้น อีกเคล็ดลับหนึ่งที่พี่อยากให้น้องๆลองทำคือ น้องๆควรหาข้อสอบเก่าย้อนหลังมาทำดู การฝึกทำข้อสอบเก่าบ่อยๆจะทำให้เรารู้สึกชินกับแนวข้อสอบ และจะเริ่มจับทิศทางได้เอง ส่วนคำศัพท์ของข้อสอบเก่าก็ยังวนมาออกในข้อสอบปัจจุบันอยู่บ่อยๆอีกด้วย

 

เรื่องที่ต้องเน้น คือ

 

1) Conversation 15 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย

พาร์ทนี้ออกเยอะ และง่ายต่อการทำคะแนนมาก ข้อสอบจะเป็นบทสนทนาทั่วๆไปเอาไว้ใช้ในการพูดคุยโต้ตอบกัน คำศัพท์เป็นศัพท์พื้นฐานทั่วไป สิ่งที่น้องๆต้องรู้ถ้าอยากได้คะแนนส่วนนี้แบบเต็มๆ ก็คือต้องรู้กลุ่มคำศัพท์ต่างๆ สำนวนหรือประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยๆค่ะ

 

2) Vocabulary 15 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย-ปานกลาง

ส่วนของพาร์ทคำศัพท์ ก็ออกเยอะไม่แพ้กัน คนที่รู้ศัพท์เยอะจะได้เปรียบในพาร์ทนี้มากๆค่ะ ข้อสอบจะถูกแบ่งเป็น 3 แบบ ดังนี้

  • ให้หาตัวเลือกที่มีความหมายเดียวกันกับคำในโจทย์ที่ขีดเส้นใต้ไว้ ใครที่รู้ศัพท์มาก ส่วนนี้ทำคะแนนได้ง่ายๆเลย เพราะออกตรงๆแบบไม่ต้องคิดมาก
  • เติมคำศัพท์ที่เหมาะสมลงในประโยค โจทย์ลักษณะนี้ มักจะให้เติมคำศัพท์ 2 คำ มีสูตรแอบโกงตรงที่ว่า ถ้าใครรู้คำตอบแค่เพียงตัวเดียว ก็สามารถตัดช้อยส์ตัวเลือกได้เลย เพราะคำศัพท์แต่ละช้อยส์ ความหมายไม่ได้คล้ายกันเลย
  • ส่วนที่คำศัพท์ในโจทย์กับตัวเลือกจะเป็นคำศัพท์เดียวกันและถูกขีดเส้นใต้เอาไว้ โดยน้องๆต้องหาว่า ตัวเลือกไหนมีความหมายตรงกับโจทย์มากที่สุด โจทย์แบบนี้ไม่ง่ายและก็ไม่ยาก แต่ต้องอาศัยอ่านประโยคของแต่ละช้อยส์ว่าให้ความหมายว่าอะไร โจทย์ประเภทนี้เหมาะกับน้องที่ผ่านการทำข้อสอบลักษณะนี้มาบ่อยๆค่ะ

 

3) Reading 15 ข้อ

ระดับความยาก  : ปานกลาง

พาร์ทนี้จะเป็นพวกบทความ บทความอาจจะยาวประมาณครึ่งหน้ากระดาษ หรือยาว 1 หน้ากระดาษเต็มๆ พาร์ทนี้อาจจะทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าพาร์ท conversation เนื่องจากน้องๆอาจจะขี้เกียจอ่าน555 แต่เอาจริงๆอย่าเพิ่งท้อ ไม่อยากให้ข้ามพาร์ทนี้ เพราะพาร์ทนี้ออกเยอะ แล้วการทำคะแนนไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ เพราะคำถามในพาร์ทนี้จะถามวนอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น 

  • ถ้าจะให้ตั้งชื่อเรื่องบทความนี้ควรตั้งว่าอะไรดี?
  • บทความนี้จุดประสงค์ในการเขียนของผู้แต่งคืออะไร?
  • บทความนี้สรุปได้ว่าอะไร?
  • บทความนี้พูดเกี่ยวกับอะไร เป็นเรื่องหลัก?

ส่วนคำถามที่เหลือก็อยู่ในเนื้อหาของบทความจ้าาาา

ดังนั้นทริคในการทำเมื่อเจอ passage ยาวๆ ให้น้องๆโฟกัสที่ย่อหน้าแรก กับ ย่อหน้าสุดท้ายก่อนค่ะ คำถาม-คำตอบ มีอยู่ใน 2 ย่อหน้านี้แน่ๆ แค่โฟกัสดีๆก็ตอบคำถามได้แล้วนะ สำหรับคนที่ไม่ย้อท้อต่อการอ่าน แล้วอยากจะเก็บคะแนนในส่วนนี้  คำถามที่เหลือจะเป็นคำถามทั่วๆไปเกี่ยวกับเนื่อเรื่องใน passage ซึ่งจะอยู่กลางๆเนื้อเรื่องค่ะ น้องๆสามารถหาคำตอบได้เลย

 

4) Error Identification 5 ข้อ

ระดับความยาก  : ปานกลาง-ยาก

พาร์ทนี้ดูเหมือนจะออกไม่เยอะ แต่รู้ไหมว่ามีน้องๆหลายคนยอมทิ้งคะแนนพาร์ทนี้กันเยอะมาก เพราะอะไรนะหรอ? เพราะเรื่องนี้คนที่จะทำได้ต้องแม่นเรื่อง structure จ้าาาา รู้ไหมว่าคนที่ได้พาร์ทนี้ ใช้เวลากับพาร์ทนี้น้อยมากเลยนะ เพราะจริงๆข้อสอบ structure ที่ออก ไม่ยากมากค่ะ ถึงจะไม่ยากแต่คนก็ทิ้งพาร์ทนี้เยอะอยู่ดี 555

ส่วนใหญ่จะออกเรื่อง ประโยคหลัก ประโยครอง คำเชื่อม partciple ประมาณนี้จ้าาา

 

5) Cloze Test Grammar 5 ข้อ

ระดับความยาก : ปานกลาง-ยาก

มาในส่วนของ cloze test พาร์ทนี้ออกแนวคล้ายๆพาร์ท error แต่นอกจากต้องแม่น structure แล้ว grammar ก็ต้องแม่นด้วยนะจ๊ะ grammar ที่ออกแน่ๆคือ tense จ้าาา ความรู้สึกของน้องที่ไม่ชอบ error ก็จะไม่ชอบ cloze test ด้วย ดังนั้นคนที่ทิ้ง error ก็มีสิทธ์ที่จะทิ้ง cloze test ด้วยเช่นกัน 5555 

แต่น้องๆสังเกตไหม ถ้าเอา 2 พาร์ทนี้มารวมกัน จำนวนข้อสอบที่ออกก็ไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะ พี่คิดว่ายังไงก็ควรเก็บค่ะ เพราะถ้าทำ cloze test ได้ error ก็จะได้ตามไปด้วย 2 พาร์ทนี้แก้ไขด้วยการจำรูปแบบ structure กับ grammar อย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องฝึกทำโจทย์พวกนี้บ่อยๆด้วย

 

6) Paragraph Organization 5 ข้อ

ระดับความยาก  : ง่าย-ปานกลาง

พาร์ทนี้อาศัยอ่าน context รอบๆของบทความ แล้วเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยอย่าลืมเช็ค structure ของตัวเลือกที่เราเลือกด้วย ว่าเหมาะสมกับ context รอบข้างไหม พาร์ทนี้ไม่ยากกับการทำคะแนนเลยจ้า

 

และสำหรับน้องๆที่ต้องการเตรียมตัวสอบ แต่กลัวว่าจะเตรียมตัวไม่ทัน พี่มีตัวช่วยดีๆมาฝาก คอร์สติว TCAS บุฟเฟต์  ติวกับติวเตอร์ผู้เชี่ยวชาญ เกร็งข้อสอบอย่างถูกจุด เรียนได้ไม่อั้น ยาวจนถึงสอบ

 

โดย Kannika_Film
รายละเอียดการใช้งานคุกกี้

เพื่อประโยชน์และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของ บริษัท โอเพ่นดูเรียน จํากัด (“โอเพ่นดูเรียน”) โอเพ่นดูเรียนจึงใช้คุกกี้บนเว็บไซต์ของบริษัท ทั้งนี้ คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับนโยบายคุกกี้ของโอเพ่นดูเรียนได้ที่ นโยบายคุกกี้ และคุณสามารถปฏิเสธคุกกี้ได้