เจาะลึก วิชาภาษาอังกฤษ เทคนิคทำข้อสอบ GAT + 9 วิชาสามัญ + O-NET

เจาะลึก วิชาภาษาอังกฤษ เทคนิคทำข้อสอบ GAT + 9 วิชาสามัญ + O-NET

เจาะลึก วิชาภาษาอังกฤษ เทคนิคทำข้อสอบ GAT + 9 วิชาสามัญ + O-NET

สวัสดีค่ะน้องๆ เนื่องจากมีน้องหลายคนสงสัยว่า วิชาภาษาอังกฤษ ที่ต้องสอบใน GAT, 9 วิชาสามัญ และ O-NET เนี่ย เนื้อหาข้อสอบออกต่างกันอย่างไร? ไปสอบสนามไหนควรโฟกัสเรื่องอะไรมากกว่ากัน? เรื่องไหนง่าย? เรื่องไหนยาก? เรื่องไหนเยอะ? วันนี้พี่มีบทวิเคราะห์แบบเจาะลึกมาให้น้องๆได้เตรียมตัวกันแล้วจ้าาาาาา

อ้างอิงข้อสอบปี 2561

เริ่มด้วยหัวข้อที่ออกก่อนเลย ในตารางคือจำนวนหัวข้อและจำนวนคำถามในแต่ละสนามสอบค่ะ

 

  GAT 9 วิชาสามัญ O-NET
Sentence Completion - - 10 ข้อ
Paragraph Organization 5 ข้อ 5 ข้อ -
Cloze Test Grammar 5 ข้อ 15 ข้อ 10 ข้อ
Error Identification 5 ข้อ - 10 ข้อ
Reading 15 ข้อ 40 ข้อ 30 ข้อ
Vocabulary 15 ข้อ - 5 ข้อ
Conversation 15 ข้อ 20 ข้อ 15 ข้อ
รวม 60 ข้อ 80 ข้อ 80 ข้อ

 

จะเห็นว่าแต่ละสนามสอบ มีรูปแบบการออกข้อสอบต่างกัน คราวนี้พี่จะเริ่มวิเคราะห์สนามแรก

 

GAT 

รูปแบบข้อสอบ เป็นปรนัย 5 ตัวเลือก 1 คำตอบ

จำนวน 60 ข้อ 

คะแนนเต็ม 150 คะแนน

เวลาทำ 1.30 ชั่วโมง

 

เรื่องที่ออกสอบ

 

1) Conversation 15 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย

พาร์ทนี้ออกเยอะ และง่ายต่อการทำคะแนนมาก ข้อสอบจะเป็นบทสนทนาทั่วๆไปเอาไว้ใช้ในการพูดคุยโต้ตอบกัน คำศัพท์เป็นศัพท์พื้นฐานทั่วไป สิ่งที่น้องๆต้องรู้ถ้าอยากได้คะแนนส่วนนี้แบบเต็มๆ ก็คือต้องรู้กลุ่มคำศัพท์ต่างๆ สำนวนหรือประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยๆค่ะ

 

2) Vocabulary 15 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย-ปานกลาง

ส่วนของพาร์ทคำศัพท์ ก็ออกเยอะไม่แพ้กัน คนที่รู้ศัพท์เยอะจะได้เปรียบในพาร์ทนี้มากๆค่ะ ข้อสอบจะถูกแบ่งเป็น 3 แบบ ดังนี้

  • ให้หาตัวเลือกที่มีความหมายเดียวกันกับคำในโจทย์ที่ขีดเส้นใต้ไว้ ใครที่รู้ศัพท์มาก ส่วนนี้ทำคะแนนได้ง่ายๆเลย เพราะออกตรงๆแบบไม่ต้องคิดมาก
  • เติมคำศัพท์ที่เหมาะสมลงในประโยค โจทย์ลักษณะนี้ มักจะให้เติมคำศัพท์ 2 คำ มีสูตรแอบโกงตรงที่ว่า ถ้าใครรู้คำตอบแค่เพียงตัวเดียว ก็สามารถตัดช้อยส์ตัวเลือกได้เลย เพราะคำศัพท์แต่ละช้อยส์ ความหมายไม่ได้คล้ายกันเลย
  • ส่วนที่คำศัพท์ในโจทย์กับตัวเลือกจะเป็นคำศัพท์เดียวกันและถูกขีดเส้นใต้เอาไว้ โดยน้องๆต้องหาว่า ตัวเลือกไหนมีความหมายตรงกับโจทย์มากที่สุด โจทย์แบบนี้ไม่ง่ายและก็ไม่ยาก แต่ต้องอาศัยอ่านประโยคของแต่ละช้อยส์ว่าให้ความหมายว่าอะไร โจทย์ประเภทนี้เหมาะกับน้องที่ผ่านการทำข้อสอบลักษณะนี้มาบ่อยๆค่ะ

 

3) Reading 15 ข้อ

ระดับความยาก  : ปานกลาง

พาร์ทนี้จะเป็นพวกบทความ บทความอาจจะยาวประมาณครึ่งหน้ากระดาษ หรือยาว 1 หน้ากระดาษเต็มๆ พาร์ทนี้อาจจะทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าพาร์ท conversation เนื่องจากน้องๆอาจจะขี้เกียจอ่าน555 แต่เอาจริงๆอย่าเพิ่งท้อ ไม่อยากให้ข้ามพาร์ทนี้ เพราะพาร์ทนี้ออกเยอะ แล้วการทำคะแนนไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ เพราะคำถามในพาร์ทนี้จะถามวนอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น 

  • ถ้าจะให้ตั้งชื่อเรื่องบทความนี้ควรตั้งว่าอะไรดี?
  • บทความนี้จุดประสงค์ในการเขียนของผู้แต่งคืออะไร?
  • บทความนี้สรุปได้ว่าอะไร?
  • บทความนี้พูดเกี่ยวกับอะไร เป็นเรื่องหลัก?

ส่วนคำถามที่เหลือก็อยู่ในเนื้อหาของบทความจ้าาาา

ดังนั้นทริคในการทำเมื่อเจอ passage ยาวๆ ให้น้องๆโฟกัสที่ย่อหน้าแรก กับ ย่อหน้าสุดท้ายก่อนค่ะ คำถาม-คำตอบ มีอยู่ใน 2 ย่อหน้านี้แน่ๆ แค่โฟกัสดีๆก็ตอบคำถามได้แล้วนะ สำหรับคนที่ไม่ย้อท้อต่อการอ่าน แล้วอยากจะเก็บคะแนนในส่วนนี้  คำถามที่เหลือจะเป็นคำถามทั่วๆไปเกี่ยวกับเนื่อเรื่องใน passage ซึ่งจะอยู่กลางๆเนื้อเรื่องค่ะ น้องๆสามารถหาคำตอบได้เลย

 

4) Error Identification 5 ข้อ

ระดับความยาก  : ปานกลาง

พาร์ทนี้ดูเหมือนจะออกไม่เยอะ แต่รู้ไหมว่ามีน้องๆหลายคนยอมทิ้งคะแนนพาร์ทนี้กันเยอะมาก เพราะอะไรนะหรอ? เพราะเรื่องนี้คนที่จะทำได้ต้องแม่นเรื่อง structure จ้าาาา รู้ไหมว่าคนที่ได้พาร์ทนี้ ใช้เวลากับพาร์ทนี้น้อยมากเลยนะ เพราะจริงๆข้อสอบ structure ที่ออก ไม่ยากมากค่ะ ถึงจะไม่ยากแต่คนก็ทิ้งพาร์ทนี้เยอะอยู่ดี 555

ส่วนใหญ่จะออกเรื่อง ประโยคหลัก ประโยครอง คำเชื่อม partciple ประมาณนี้จ้าาา

 

5) Cloze Test Grammar 5 ข้อ

ระดับความยาก : ปานกลาง

มาในส่วนของ cloze test พาร์ทนี้ออกแนวคล้ายๆพาร์ท error แต่นอกจากต้องแม่น structure แล้ว grammar ก็ต้องแม่นด้วยนะจ๊ะ grammar ที่ออกแน่ๆคือ tense จ้าาา ความรู้สึกของน้องที่ไม่ชอบ error ก็จะไม่ชอบ cloze test ด้วย ดังนั้นคนที่ทิ้ง error ก็มีสิทธ์ที่จะทิ้ง cloze test ด้วยเช่นกัน 5555 

แต่น้องๆสังเกตไหม ถ้าเอา 2 พาร์ทนี้มารวมกัน จำนวนข้อสอบที่ออกก็ไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะ พี่คิดว่ายังไงก็ควรเก็บค่ะ เพราะถ้าทำ cloze test ได้ error ก็จะได้ตามไปด้วย 2 พาร์ทนี้แก้ไขด้วยการจำรูปแบบ structure กับ grammar อย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องฝึกทำโจทย์พวกนี้บ่อยๆด้วย

 

6) Paragraph Organization 5 ข้อ

ระดับความยาก  : ง่าย-ปานกลาง

พาร์ทนี้อาศัยอ่าน context รอบๆของบทความ แล้วเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยอย่าลืมเช็ค structure ของตัวเลือกที่เราเลือกด้วย ว่าเหมาะสมกับ context รอบข้างไหม พาร์ทนี้ไม่ยากกับการทำคะแนนเลยจ้า

 

9 วิชาสามัญ

รูปแบบข้อสอบ เป็นปรนัย 5 ตัวเลือก 1 คำตอบ

จำนวน 80 ข้อ 

คะแนนเต็ม 100 คะแนน

เวลาทำ 1.30 ชั่วโมง

 

เรื่องที่ออกสอบ

 

1) Reading 40 ข้อ

ระดับความยาก  : ง่าย - ยาก

พาร์ทนี้ออกเยอะสุดๆๆๆๆๆๆๆๆ คะแนนอยู่ในส่วนนี้เยอะมากๆ มีตั้งแต่บทความสั้นๆยันบทความยาวเป็นหน้าๆ กราฟ โฆษณา ข่าว มีออกผสมหมด พาร์ทนี้สำหรับวิชาสามัญ ห้ามทิ้งงงงงงงงง บทความมีตั้งแต่ระดับง่ายจนถึงอ่านแล้วไม่อยากอ่านต่อ5555 โจทย์บางโจทย์ไม่สามารถหาคำตอบได้ในบทความ แต่ต้องวิเคราะห์เอาเอง ซึ่งข้อพวกนี้แหละ จะเป็นข้อตัดคะแนน

การทำ reading ในข้อสอบ 9 วิชาสามัญ พี่แนะนำน้องๆให้เซตเวลาตัวเองด้วย ว่าควรให้เวลาพาร์ทนี้ประมาณเท่าไร บางคนใช้เวลาพาร์ทนี้นานไป ทำพาร์ทอื่นที่ง่ายกว่าไม่ทัน reading ต้องเน้นทำโจทย์บ่อยๆ ฝึกความถึกในการอ่าน ต่อไปเราจะเป็นคนที่อ่านไว แล้วช่วยเซฟเวลาในการทำข้อสอบพาร์ทอื่นๆค่ะ

 

2) Conversation 20 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย

พาร์ทนี้ความง่ายเหมือข้อสอบ GAT เลย เชื่อว่าหลายๆคนชอบพาร์ทนี้ที่สุด แนวข้อสอบก็เป็นบทสนทนาทั่วไป ไม่ซับซ้อน

 

3) Cloze Test Grammar 15 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย - ปานกลาง

หลักการทำเหมือนข้อสอบ GAT ค่ะ แต่ในวิชาสามัญมีจำนวนข้อที่ออกเยอะกว่า และที่ออกแน่ๆพาร์ทนี้ คือเรื่อง tense คำเชื่อม และคำศัพท์ โจทย์ที่ให้เลือกคำศัพท์นั้น เป็นข้อที่ช่วยในการทำคะแนนของพาร์ทนี้เลยค่ะ เพราะคำศัพท์ในพาร์ทนี้เป็นคำศัพท์ที่ง่าย น้องๆสามารถเลือกคำตอบได้เลยโดยไม่ต้องคิดซับซ้อนหลายขั้นค่ะ

 

4) Paragraph Organization 5 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย - ปานกลาง

พาร์ทนี้คล้ายกับข้อสอบ GAT เลย ระดับความยากก็ไม่ต่างกันด้วย พาร์ทนี้ต้องอ่าน context รอบๆของบทความ แล้วเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด แล้วก็เช็ค structure ของตัวเลือกที่เราเลือกด้วย ว่าเหมาะสมกับ context รอบข้างหรือเปล่า ถึงจะออกไม่เยอะแต่พาร์ทนี้ควรเก็บคะแนนจ้า

 

O-NET

รูปแบบข้อสอบ เป็นปรนัย 5 ตัวเลือก 1 คำตอบ

จำนวน 80 ข้อ 

คะแนนเต็ม 100 คะแนน

เวลาทำ 2 ชั่วโมง

 

เรื่องที่ออกสอบ

 

1) Reading 30 ข้อ

ระดับความยาก  : ง่าย - ปานกลาง

ข้อสอบพาร์ทนี้มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ โฆษณา ประกาศ ข่าว กราฟ การ์ตูน และก็บทความ แต่ที่ออกเยอะที่สุดคือ บทความ สังเกตได้ว่าบทความในข้อสอบ O-NET จะไม่ยาวถึง 1 หน้ากระดาษ ปกติเป็นบทความสั้นๆ คำถามก็เป็นคำถามทั่วๆไปไม่ต่างไปจาก GAT และ 9 วิชาสามัญ แต่ถ้าเทียบระดับความยาก O-NET ง่ายกว่า

 

2) Conversation 15 ข้อ

ระดับความยาก : ง่ายมาก

ข้อสอบพาร์ทนี้ พี่คิดว่าน้องๆหลายคนสามารถทำคะแนนเต็มจากพาร์ทนี้ได้ ข้อสอบออกบทสนทนาพื้นฐานแบบง่ายมากๆ

 

3) Sentence Completion 10 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย

พาร์ทนี้เหมือน cloze test ใน GAT กับ 9 วิชาสามัญ แต่ต่างกันแค่โจทย์ให้ประโยคมาแทน แทนที่จะเป็นบทความ จะทำพาร์ทนี้ได้ก็ต้องแม่น structure และ grammar แต่โจทย์ออกไม่ลึกมาก สามารถตัดช้อยส์ได้ง่าย เรื่องที่ออกชัวร์ๆคือ tense และ participle 

 

4) Cloze Test Grammar 10 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย

พาร์ทนี้ต่างจาก cloze test ใน GAT กับ 9 วิชาสามัญ เพราะเราอาศัยการแปลจากแต่ละตัวเลือกได้ แต่ต้องอาศัยว่าใน context ของบทความ สิ่งที่ขาดไปควรจะเป็นข้อความในช้อยส์ไหน พาร์ทนี้ในข้อสอบ O-NET เช็คง่ายๆเลย คนไม่แม่น structure และ grammar ก็เก็บพาร์ทนี้ได้

 

5) Error Identification 10 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย - ปานกลาง

ย้ำหลายรอบแล้วว่า Error Identification ต้องแม่น structure พาร์ทนี้ข้อสอบ O-NET ออกหลายเรื่องเลย ส่วนใหญ่ออกเรื่องละ 1-2 ข้อ เรื่องที่ออกบ่อยก็คือ tense, participle, คำเชื่อม, ประโยคหลัก, ประโยครอง, pronoun เป็นต้น ข้อสอบ O-NET พาร์ทนี้ต่างจาก GAT ตรงที่ว่า ข้อสอบ O-NET จะให้หาจุดผิดจาก passage แต่ใน GAT จะเป็นโจทย์แต่ละข้อไป แต่ระดับความยากนั้นง่ายกว่า GAT แน่นอนค่ะ แล้วจำนวนข้อสอบก็ออกมากกว่าด้วยนะ ดังนั้นห้ามทิ้งจ้าาา

 

6) Vocabulary 5 ข้อ

ระดับความยาก : ง่าย - ปานกลาง

พาร์ทนี้มีทั้งคำศัพท์ทั่วๆไปและที่เป็นสำนวน บางข้อตัวเลือกคำศัพท์แปลได้คล้ายๆกัน แต่ทั้งนี้ต้องเลือกตัวที่เหมาะสมเท่านั้น มี 5 ข้อ แบบง่ายมี 3 ข้อ อีก 2 ข้อที่เหลืออาศัยว่าใครรู้ศัพท์เยอะ ถ้ารู้ศัพท์เยอะก็ทำได้

 

หมดแล้วจ้าาาาา แนวข้อสอบภาษาอังกฤษ ของสนาม GAT , 9 วิชาสามัญ และ O-NET พี่หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้น้องๆเลือกโฟกัสเรื่องที่จะออกได้ถูกจุดมากยิ่งขึ้นนะคะ 

สำหรับน้องๆที่ต้องการสอบได้แบบชัวร์ๆ พี่ขอแนะนำ คอร์สติว TCAS บุฟเฟต์ สอนโดยติวเตอร์ชั้นนำ ติวได้ไม่อั้น คุ้มสุดๆ อย่าลืมเข้าไปติวฟรีกันน้าาาาา

 

 

โดย Film_Educator
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดการใช้งานคุกกี้

เพื่อประโยชน์และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของ บริษัท โอเพ่นดูเรียน จํากัด (“โอเพ่นดูเรียน”) โอเพ่นดูเรียนจึงใช้คุกกี้บนเว็บไซต์ของบริษัท ทั้งนี้ คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับนโยบายคุกกี้ของโอเพ่นดูเรียนได้ที่ นโยบายคุกกี้ และคุณสามารถปฏิเสธคุกกี้ได้