สรุป 12 Tenses ฉบับรวบรัด! จำง่าย! เข้าใจทันทีแม้ไม่มีพื้นฐาน

สรุป 12 Tenses ฉบับรวบรัด! จำง่าย! เข้าใจทันทีแม้ไม่มีพื้นฐาน

วันนี้ครูดิวจะสรุป 12 Tenses ให้นักเรียนได้เข้าใจแบบง่าย ๆ อ่านรอบเดียวเก็ทแล้วเอาไปใช้กันได้เลย ไม่ว่าจะมีพื้นฐานมาแล้วหรือยังไม่มีนะคะ 12 Tenses โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ Present, Past และ Future เป็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่หลายคนมักจะท้อเพราะต้องจำเยอะมาก แต่จริง ๆแล้วไม่ได้ยากขนาดนั้นค่ะ การใช้ 12 Tenses และการจำหลักนั้นง่ายกว่าที่คิด อ่านแค่รอบนี้รอบเดียวจำไปใช้สอบหรือใช้สื่อสารได้ทันทีเลยค่ะ

 

สรุป 12 Tenses ฉบับรวบรัด! จำง่าย!
เข้าใจทันทีแม้ไม่มีพื้นฐาน

 

         ก่อนจะเริ่มเจาะไปทีละประโยคครูดิวอยากให้เราทำความเข้าใจก่อนว่าโครงสร้างประโยคและการสื่อบริบทจะยึดกับช่วงเวลาด้วย เพราะเวลาจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ตอนไหน เพื่อที่จะได้ทำความเข้าใจในเชิงบริบทว่าถ้าพูดประโยคนี้มา ฝรั่งจะเข้าใจว่าอย่างไร ดังนั้นเรามาดูรูปแบบของช่วงเวลาเหตุการณ์ที่ครูจะใช้เป็นตัวตั้งต้นของ Tense ในแต่ละรูปแบบก่อนนะคะ

รูปแบบของช่วงเวลาเหตุการณ์

1. Present (ปัจจุบัน)
2. Past (อดีต)
3. Future (อนาคต)

 

(ในช่วงอดีต)     (ในช่วงปัจจุบัน)     (ในช่วงอนาคต)

Past---------------Present---------------Future


        นี่คือ 3 ช่วงเวลาที่เราต้องจำก่อนที่เราจะรู้จักรูปแบบของประโยคที่ใช้สื่อบริบทความหมายของแต่ละรูปทั้ง 4 ค่ะ เราจะเห็นว่าหลัก ๆมี 3 เวลาคือ Present (ปัจจุบัน), Past (อดีต) และ Future (อนาคต) มาให้เราแล้วค่ะ ครูดิวขอแนะนำให้นักเรียนจำ 3 คำนี้ไว้ ยึดไว้เป็นหลักก่อนค่ะ แล้วค่อยตามด้วยรูปแบบของ Tense ที่บอกบริบทของเหตุการณ์ 4 อย่าง

        จำกันได้แล้วใช่ไหมคะว่า 3 ช่วงเวลานี้มีอะไรบ้าง ทีนี้ครูดิวอยากให้เราทำความรู้จักกับรูปแบบของ Tense ทั้ง 4 ก่อนที่เราจะเริ่มเรียนโครงสร้างเรียงจาก Present Simple ซึ่งเป็น Tense แรกและไปจบที่ Future Perfect Continuous ซึ่งเป็น Tense สุดท้ายนะคะ มาดูกันเลยค่ะว่ารูปแบบของ Tense ทั้ง 4 จะมีการสื่อบริบทความหมายว่ายังไงบ้าง

 

รูปแบบของ Tense

1. Simple (บอกเล่าทั่วไปง่าย ๆ)

รูป Simple คือรูปแบบประโยคที่ง่ายที่สุดในบรรดา 4 แบบของ Tense ในภาษาอังกฤษเลยค่ะ เพราะรูปนี้จะตามด้วยประธานแล้วตามด้วยกริยาที่ไม่มีอะไรมาต่อเติมจนซับซ้อนค่ะ บริบทความหมายของรูปประโยคนี้เป็นแค่การบอกเล่าเรื่องง่าย ๆ ว่าเกิดอะไรหรือบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจากความเป็นจริงเท่านั้นเองค่ะ

 

2. Continuous (เหตุการณ์ต่อเนื่อง)

Keyword: is/am/are/was/were + V-ing

        รูป Continuous คือรูปประโยคที่ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องในแต่ละช่วงเวลา โดยคีย์เวิร์ดหรือวิธีสังเกตรูปประโยคคือ V.to be ที่เป็น is, am, are, was หรือ were และหลังจากนั้นก็จะตามด้วยกริยาหลักที่ผัน V.ing ค่ะ 

 

3. Perfect (เหตุการณ์เริ่มทำ/เริ่มเกิดแล้ว)

Keyword: have/has/had + V.3

รูป Perfect คือรูปประโยคที่ใช้พูดถึงเหตุกาณณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วหรือเริ่มทำไปเรียบร้อยแล้วหรือสามารถพูดถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นหรือทำไปแล้วได้ด้วยค่ะ โดยคีย์เวิร์ดหรือวิธีสังเกตรูปประโยคคือจะมีกริยา have, has หรือ had นำหน้าก่อนแล้วตามด้วยกริยาหลักที่ผัน V.3 ค่ะ

 

4. Perfect Continuous (เหตุการณ์ที่เริ่มเกิดแล้วและกำลังดำเนินต่อเนื่อง)

Keyword: have/has/had + been + V-ing

        รูป Perfect Continuous คือรูปประโยคที่ซับซ้อนหากเรามองเผิน ๆแ ต่จริง ๆแล้วไม่มีอะไรยากค่ะ ในบริบทความหมายของเหตุการณ์ของ Perfect Continuous คือเหตุการณ์ที่ได้เริ่มขึ้นหรือเกิดขึ้นไปแล้วและยังคงดำเนินการต่อไปต่อเนื่องมาตลอดค่ะ โดยคีย์เวิร์ดหรือวิธีสังเกตรูปประโยคคือจะมี have, has, had นำหน้าก่อนแล้วตามด้วย been จากนั้นก็ตบท้ายด้วย V.ing ค่ะ

 

เริ่มแรกเรามาดูกันที่รูป Simple ก่อนค่ะ โดยครูดิวจะขอสอนในลักษณะให้เราจับคู่โดยใช้ช่วงเวลามาเป็นตัวตั้งนะคะแล้วตามด้วยรูปแบบของ Tense ค่ะ เพราะหลักนี้จะจำง่ายกว่าและทำให้เห็นภาพรวมของรูปประโยคในแต่ละบริบทช่วงเวลาได้ชัดกว่าค่ะ

 

Simple Tenses

Present Simple
โครงสร้าง: S + V.1

 

He works for OpenDurian. - เขาทำงานให้กับโอเพ่นดูเรียน

I don’t know what it is. - ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร

My work has a problem. - งานของฉันมีปัญหา

 

        Present Simple คือรูปประโยคบอกเล่าเหตุการณ์ปัจจุบันที่ง่ายที่สุดเลยค่ะ เพราะโครงสร้างประโยคมีแค่ประธาน + กริยาช่อง 1 บริบทของประโยครูปนี้คือบอกสิ่งที่เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน บอกเกี่ยวกับข้อมูลความเป็นจริง ณ เวลาปัจจุบัน(เช่น ใครทำงานที่ไหน) ถ้าเป็นในข้อสอบโจทย์ของรูปประโยคนี้มักจะมีคีย์เวิร์ดความถี่บอกค่ะ เช่น Often - บ่อย ๆ, Always - ตลอด, Sometimes - บางครั้ง หรือ Every day - ทุก ๆวัน เป็นต้นค่ะ

หลักผันกริยาช่อง 1 ไม่มีอะไรเลยนอกจาก กริยาเติม -s กับไม่เติม -s สามารถใช้กลอนครูดิวท่องได้เลยว่า

ประธานเติม -s กริยาไม่เติม -s

ประธานไม่เติม -s กริยาเติม -s

        ก็คือถ้าประธานเป็น He She It หรือชื่อคน สัตว์ สิ่งของที่เป็นเอกพจน์มีแค่จำนวนเดียวกริยาต้องเติม -s แต่ถ้าประธานเป็นพหูพจน์หรือเรียกง่าย ๆคือประธานเติม -s กริยาจะไม่เติม -s นะคะ มาต่อกันที่ Past Simple เลยค่ะ

 

Past Simple
โครงสร้าง S + V.2

 

He worked for OpenDurian last year. - เขาเคยทำงานให้กับโอเพ่นดูเรียนปีที่แล้ว

I didn’t know what it was at that time. - ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร ณ ตอนนั้น

My work had a problem yesterday. - งานของฉันมีปัญหาเมื่อวานนี้

 

        Past Simple คือรูปประโยคบอกเล่าเหตุการณ์ในอดีตที่ง่ายเหมือนกับ Present Simple เพียงแต่แค่ใช้กริยาช่อง 2 เพื่อสื่อถึงการกระทำนั้น ๆเกิดขึ้นในอดีตค่ะ โดยความหมายจะเข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในอดีตถ้าเราใช้กริยาช่อง 2 ค่ะ ถ้าเป็นในข้อสอบก็จะมีพวกคีย์เวิร์ดในประโยคที่บอกถึงเวลาในอดีตเช่น Yesterday - เมื่อวาน Last week - อาทิตย์ที่แล้ว หรือ Last night - เมื่อคืนก็ได้ค่ะ

        ถ้าเกิดว่าหลังประธานตามด้วยกริยาช่วยอย่างเช่น Could, Would หรือ Did กริยาหลักที่ตามมาไม่ต้องผันช่อง 2 นะคะ เพราะกริยาช่วยผันช่อง 2 ให้แล้วกริยาตัวต่อไปไม่ต้องผันตามน้า มาต่อกันที่ Future Simple กันค่ะ

 

Future Simple
โครงสร้าง: S + will/shall
+ V.infinitive

 

She will work for OpenDurian next month. - หล่อนจะทำงานให้กับโอเพ่นดูเรียนเดือนหน้า

I won’t know what it is if you don’t tell me. - ฉันจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรถ้าคุณไม่บอกฉัน

My work will have a problem when you don’t finish your work. - งานของฉันจะมีปัญหาเมื่อคุณไม่ทำงานของคุณให้เสร็จ

 

        Future Simple คือรูปประโยคบอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคตค่ะ บอกเล่าเหตุการณ์สั้น ๆง่าย ๆเหมือนกัน บริบทนี้ความเข้าใจถ้าเราพูดประโยคนี้ไปคนที่สื่อสารภาษาอังกฤษเข้าใจทันทีเลยค่ะว่ามันคือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยโครงสร้างให้จำไว้เสมอว่าหลังประธานจะตามด้วย will หรือ shall ที่แปลว่า “จะ” แล้วตามด้วยกริยาที่ไม่ผันเลยหรือเรียกกันว่า Infinitive Verb ดูได้จากตัวอย่างที่ยกให้ก่อนหน้านี้ได้เลยค่ะ สังเกตว่ากริยาที่ตามหลัง will ไม่ผันเลย ถ้าเป็นในข้อสอบก็จะมีคีย์เวิร์ดที่บ่งบอกถึงเวลาในอนาคตเช่น Tomorrow - พรุ่งนี้, Next 3 days - อีก 3 วันข้างหน้า หรือ Next month - เดือนหน้า เป็นต้นค่ะ

 

Continuous Tenses

Present Continuous
โครงสร้าง: S + is/am/are + V.ing

 

I am doing my homework. - ฉันกำลังทำการบ้านของฉัน

He is cooking. - เขากำลังทำอาหารอยู่

It is raining. - ฝันกำลังตกอยู่

        Present Continuous คือรูปประโยคบอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยใช้ V. to be (is/am/are) ที่เป็นช่อง 1 อยู่ค่ะ จำได้ไหมคะกริยาช่อง 1 หมายถึงการกระทำที่อยู่ในช่วงเวลาปัจจุบัน ยังเป็นอยู่ และส่วนที่บอกว่าเหตุการณ์ยังคงเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ดำเนินต่อไปก็คือกริยาที่เติม -ing นั่นเองค่ะ ถ้าเราพูด is am are + v.-ing ฝรั่งจะเข้าใจทันทีค่ะว่า สิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้นอยู่

 

Past Continuous
โครงสร้าง: S + was/were + V.ing

 

I was taking a bath while you waited for me. - ฉันกำลังอาบน้ำอยู่ตอนที่คุณมารอฉัน

It was raining from 11AM to 12PM yesterday. - เมื่อวานช่วง 11 โมงถึงเที่ยง ฝนกำลังตกอยู่

You were working and I was going outside so we didn’t call each other. - คุณก็กำลังทำงานและฉันเองก็กำลังไปข้างนอกพอดีเราก็เลยไม่ได้โทรหากัน

        Past Continuous คือรูปประโยคบอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเหมือนกันแค่เป็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งผ่านมาแล้วและมันได้จบลงไปแล้วในอดีต ส่วนใหญ่มักจะมาซ้อนกับประโยค Past simple ด้วยกันถ้าเราเจอในข้อสอบ แต่ในการพูดคุยปกติเราก็สามารถใช้ Past Continuous เดี่ยว ๆได้เหมือกันค่ะ เพราะทั้งบริบทของประโยคที่ประกอบไปด้วย was/were ที่เป็นช่อง 2 ของ is/am/are คือ Past หรืออดีตในขณะที่ V.ing คือบริบท Continuous นั่นเองค่ะ ฝรั่งจะเข้าใจทันทีว่า ในช่วงเวลานั้นอะไรกำลังเกิดขึ้นและดำเนินอยู่นั่นเองค่ะ

 

Future Continuous
โครงสร้าง: S + will/shall + be + V.ing

 

I will be watching movies from 1 PM to 5 PM tomorrow. - ฉันคงกำลังดูหนังอยู่ตอนบ่ายโมงถึง 5 โมงเย็นพรุ่งนี้

He will be studying for the test all night. - เขาคงจะกำลังทวนหนังสือเตรียมสอบตลอดทั้งคืนแหละ

My mother won’t be working tomorrow. - แม่ของฉันคงจะไม่ได้ทำงานพรุ่งนี้หรอก

        Future Continuous คือรูปประโยคที่บอกถึงเหตุการณ์ในอนาคตว่าอะไรจะดำเนินการในช่วงเวลาที่พูดถึงหรืออาจจะเป็นการทำนายก็ได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อถึงช่วงเวลานั้น ๆ เป็นการผสมรูป Future กับ Continuous เข้ามาด้วยโครงสร้าง Will ที่เป็นคำที่บ่งบอกถึงสิ่งที่จะเกิดในอนาคตแล้วตามด้วย V.to be อย่าง be ที่ + ด้วย V.ing ซึ่งเป็นรูปของประโยค Continuous ค่ะ ง่าย ๆแค่นี้เลยค่ะ เมื่อเราใช้รูปประโยคนี้พูดก็ฝรั่งจะเข้าใจทันทีว่ามันคือสิ่งที่น่าจะกำลังดำเนินการอยู่ในอนาคตค่ะ 

 

Perfect Tenses

Present Perfect
โครงสร้าง: S + have/has + V.3

 

She has made his work more difficult. - หล่อนได้ทำให้งานของหล่อนยากขึ้นไปอีก

I have watched this movie before. - ฉันเคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนแล้ว

They have accepted your request since 2 days ago. - พวกเขาตอบรับคำขอของคุณมาตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว

        Present Perfect คือรูปประโยคที่บ่งบอกถึงสิ่งที่ได้เริ่มเกิดขึ้นหรือเริ่มทำไปก่อนแล้วจนมาจนถึงปัจจุบันค่ะ โดยคำว่า Perfect แปลว่าสมบูรณ์ ซึ่งก็หมายถึงการกระทำได้เริ่มทำอย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ โดย have/has อยู่ในรูป Present ส่วน V.3 ที่ตามมาคือรูป Perfect มารวมกันค่ะ ดังนั้นถ้าพูดด้วยประโยครูปนี้ฝรั่งจะเข้าใจว่าสิ่งนั้นได้เริ่มกระทำขึ้นมาแล้วหรือทำมาสักพักแล้วค่ะ โดยคีย์เวิร์ดสำคญในประโยคนี้มักจะเป็นคำว่า Since กับ For ค่ะ คือเป็นการกระทำตั้งแต่เวลานั้นมาจนถึงตอนนี้หรือการกระทำนั้นดำเนินมานานเท่าไหร่แล้วค่ะ

        นอกจากนี้ยังแปลว่า เคย…อะไรสักอย่างมาแล้วค่ะ ยิ่งถ้ามีคำว่า Before เป็นคีย์เวิร์ดด้วยความหมายยิ่งชัดค่ะว่า เคย…มาก่อนแล้ว นั่นเองค่า ต่อไปมาดู Past Perfect กันค่ะ ตัวนี้คือซับซ้อนพอสมควรแต่อธิบายได้ง่าย ๆเลยค่ะ

 

Past Perfect
โครงสร้าง: S + had + V.3

 

Yesterday before I went to the shopping mall, I had visited my friend along the way. - เมื่อวานนะก่อนฉันไปที่ห้าง ฉันก็ได้ไปเยี่ยมเพื่อนระหว่างทางไป

We had got a lot of money, but we spent it all yesterday. - เราเคยมีเงินเยอะมาก ๆแต่เราใช้มันไปหมดแล้วเมื่อวาน

Jane had worked here before she found a new job. - เจนเคยทำงานที่นี่มาก่อนก่อนที่หล่อนหางานใหม่ได้

        Past Perfect คือรูปประโยคที่พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตซ้อนอดีตค่ะ คือมีอยู่ 2 เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้น อย่างนึงเกิดขึ้นก่อนอีกเหตุการณ์นึง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะใช้โครงสร้าง had ที่เป็นช่อง 2 แล้ว + ด้วยกริยาช่อง 3 ค่ะ จะแปลว่า ได้….ไปก่อนแล้ว โดยในข้อสอบวิธีดูว่าประโยคนี้เป็น Past Perfect คือให้ดูอีกประโยคนึงที่นำหน้ามาก่อนหรือตามมาทีหลังก็ได้ค่ะว่าเป็น Past Simple หรือไม่ ดังนั้นหลักการจำง่าย ๆคือ Past Perfect มักจะซ้อนคู่กับ Past Simple บ่อยค่ะเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นตาม ๆกันมา ดังนั้นฝรั่งจะเข้าใจในบริบทของรูปประโยคนี้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ได้ทำไปก่อนหน้าเหตุการณ์บางอย่างค่ะ

 

Future Perfect
โครงสร้าง: S + will/shall + have + V.3

 

We shall have drunk all the wine by the time you arrive. - พวกเราคงจะดื่มไวน์หมดแล้วในตอนที่คุณมาถึง

I will have arrived when it is 8 PM. - เมื่อตอนนั้น 2 ทุ่ม ฉันคงจะมาถึงแล้วล่ะ

You will have done that project by tomorrow. - พรุ่งนี้คุณคงจะเริ่มทำโปรเจคไปแล้วล่ะ

        Future Perfect คือรูปประโยคที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เรามั่นใจได้ว่ามันจะเกิดขึ้นไปแล้วในอนาคต เพราะอย่างที่ครูบอกไปคือ Perfect แปลว่าสมบูรณ์ ดังนั้นมันจะต้องเป็นเหตุการ์ที่จะเกิดขึ้นไปแล้วแน่ ๆ ส่วนใหญ่ประโยคนี้จะใช้คู่กับเรื่องราวที่มีตารางนัดหมายหรือถูกสั่งมาให้ดำเนินการในอนาคตค่ะ โดยเป็นการรวมรูปของ Future ก็คือคำว่า Will หรือ Shall นำหน้าก่อนแล้วตามด้วย Have ที่เป็นรูป V. inf + V. 3 จึงกลายเป็น Future Perfect ค่ะ

        โดยคีย์เวิร์ดหลัก ๆที่เรามักจะเจอในข้อสอบคือคำว่า By the time หรือ When ที่ + ด้วย Present Simple ค่ะ เป็นโครงสร้างประมาณว่า By the time S + V.1, S + will have + V.3 ค่ะ ตรงนี้ข้อสอบมักจะให้ช่องว่างตามหลัง Will แล้วใส่ชอยซ์ have + V.3 ให้เลือก ดังนั้นถ้าเป็น By the time จะใช้ will have + V.3 เลยน้า ซึ่งความหมายจะแปลว่า เมื่อฉันมาถึง พวกคุณคงจะเริ่มงานไปแล้ว ประมาณนี้ค่ะ มาถึง Tense ที่ฝรั่งใช้น้อยที่สุดแต่ก็ถือว่าซับซ้อนและอาจชวนงงพอสมควร นั่นก็คือกลุ่ม Tense ประเภท Perfect Continuous ค่ะ แต่ครูดิวสรุปให้แล้วว่าตกลงมันใช้ยังไง บริบทเป็นยังไงให้เรียบร้อยแล้วค่ะ

 

Perfect Continuous Tenses

Present Perfect Continuous
โครงสร้าง: S + have/has + been + V.ing

 

I haven’t been feeling well lately. - ฉันรู้สึกไม่ดีมาพักนึงแล้ว
(และยังรู้สึกไม่ดีอยู่ต่อไป = กำลังป่วยมาพักนึงแล้ว)

They have been working here for 2 years now. - พวกเขาทำงานที่นี่มา 2 ปีแล้ว
(และก็ยังคงทำต่อไป)

She has been playing tennis since she was young. - หล่อนเล่นเทนนิสมาแล้วตั้งแต่ยังเด็ก
(และก็ยังเล่นต่อไปเรื่อย ๆ)

        Present Perfect Continuous คือรูปประโยคที่พูดถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่ได้เริ่มทำไปแล้วและกำลังดำเนินการต่อเรื่อยไป หรือจะแปลว่าทำมาโดยตลอดก็ได้ค่ะ เมื่อไหร่ที่เราเจอหรือใช้โครงสร้างของ Present (have/has) + Perfect (been) + Continuous (V.ing) จะเท่ากับว่าประโยคนี้กำลังสื่อให้เรารู้ว่าสิ่งนี้ได้กำลังดำเนินการมานานแล้วและยังดำเนินการอยู่ต่อไปจนอนาคตเลยค่ะ เปรียบเทียบในภาษาไทยจะประมาณว่า ฉันได้ทำงานที่นี่มาแล้ว 5 ปีและก็ยังคงจะทำต่อไปเรื่อย ๆค่ะ โดยคีย์เวิร์ดสำคัญก็จะมี Since + เวลา, For + เวลา หรือคำว่า Lately ที่แปลว่า ...มาพักนึงแล้ว หรือจะเป็นคำว่า Recently ที่แปลว่า ...ไม่นานมานี้ เป็นคำที่มาใช้กับ Present Perfect Continuous ได้ค่ะ

 

Past Perfect Continuous
โครงสร้าง: S + had + been + V.ing

 

I had been working at the company for five years when I got the promotion. - ฉันทำงานที่บริษัทมา 5 ปีแล้วตอนที่ฉันได้เลื่อนขั้น
(ก็คือตอนที่ได้เลื่อนขั้น เขาได้ทำงานมาตลอดถึง 5 ปีแล้วนั่นเองค่ะ)

Somebody had been smoking. I could smell cigarettes - ใครบางคนได้เริ่มสูบบุหรี่มาพักนึงแล้ว ฉันเลยได้กลิ่นบุหรี่
(ก็คือก่อนหน้านี้มาคนสูบบุุหรี่มาพักนึงแล้ว แล้วตอนนี้กลิ่นมันยังอยู่เลยตอนที่เราไปได้กลิ่น)

They had been running for 10 miles before they were exhausted. - พวกเขาวิ่งมาได้ 10 ไมล์ก่อนที่พวกเขาพากันเหนื่อยล้า

        Past Perfect Continuous คือรูปประโยคที่คล้าย ๆกับการนำบริบทของ Past Perfect มาผสมกับ Past Continuous ค่ะ คือ Past (had) + Perfect (been) + Continuous (V.ing) ซึ่งบริบทของประโยครูปนี้จะหมายถึง สิ่งที่ทำมานานแล้วทำมาโดยตลอดจนกระทั่งมันได้จบลงเพราะมีเหตุการณ์นึงแทรกเข้ามาค่ะ อย่างตัวอย่างที่ยกไปข้างต้นว่า They had been running for 10 miles before they were exhausted. พวกเขาเริ่มวิ่งมาได้ 10 ไมล์แล้ว ก่อนที่พวกเขาจะเหนื่อยล้ากันหมด สิ่งที่เป็น Past Perfect Continuous คือ การที่พวกเขาเริ่มวิ่งมาได้และวิ่งต่อเนื่องมาตลอดจนถึง 10 ไมล์ จากนั้นก็มีอีกเหตุการณ์ในอดีตอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกเข้ามาจนการวิ่งนั้นได้จบลงไปค่ะ นั่นก็คือเหนื่อยแล้วไม่วิ่งแล้วนั่นเองค่ะ ดังนั้นถ้าเราใช้โครงสร้างนี้ ฝรั่งจะเข้าใจว่า เรากำลังเล่าเรื่องในอดีตเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดเป็นเวลาพักใหญ่ จากนั้นก็ถูกแทรกและหยุดลงเพราะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามานั่นเองค่ะ

 

Future Perfect Continuous
โครงสร้าง: S + will/shall + have + been + V.ing

 

Next Monday we will have been living here for exactly five years.- วันจันทร์หน้าก็จะครบ 5 ปีที่เราอยู่ที่นี่มาแล้ว
(ทำงานมานานแล้ว ทำมาตลอดจนเดี๋ยวพอเป็นวันจันทร์หน้าก็จะถือว่าครบรอบ 5 ปีแล้ว)

I will have been working on a new project when you arrive. - ฉันคงจะเริ่มทำโปรเจคใหม่อยู่ไปแล้วในตอนที่คุณมาถึง
(ก็คือโปรเจคจะถูกเริ่มทำไปนานแล้วพักนึงในช่วงอนาคตก่อนที่คุณจะมาถึง เมื่อคุณมาถึงโปรเจคก็ยังดำเนินการต่อไป)

At 5 PM, he will have been waiting for 30 minutes, then he will consider you coming late. - พอถึง 5 โมงเย็น เขาก็จะรอคุณมาแล้วถึง 30 นาที แล้วเขาจะถือว่าคุณมาสาย
(ดังนั้นให้ไปหาเขาก่อน 5 โมงเย็น เขาถึงจะรอไม่ถึง 30 นาทีและไม่คิดว่าคุณมาสาย)

        Future Perfect Continuous คือรูปประโยคที่ไม่ค่อยมีคนใช้เลยเพราะมักจะใช้ในเชิงบริบทที่เอาไว้เล่าว่า เมื่อถึงเวลาช่วงหนึ่งในอนาคตมันจะมีอะไรเกิดขึ้นในเชิงครบรอบ เป็นการบอกอนาคตที่จะเกิดขึ้นแน่นอนและเกิดขึ้นแล้วก็จะยังดำเนินการต่อไป ซึ่งก็คือการรวม Future (will have) + Perfect (been) + Continuous (V.ing) เข้ามาอยู่ด้วยกัน มันคือการบอกเล่าเหตุการณ์ว่าในอนาคตเมื่อถึงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งก็จะถือว่าเรื่องนั้นเป็นอย่างนี้ หรือเรื่องนั้นครบรอบ ครบกำหนดในข้อตกลงอะไรบางอย่างแล้วค่ะ เหมือนกับตัวอย่างที่ 1 กับตัวอย่างที่ 3 ที่เป็นการบอกการครบรอบเมื่อถึงเวลานั้นในอนาคตหรือบอกกรณีว่าจะเป็นอย่างนี้เมื่อถึงเวลานั้นในอนาคตนั่นเองค่ะ 

        ก็หมดแล้วนะคะสำหรับสรุป 12 Tenses ฉบับครูดิวรวบรัดให้ แถมแบ่งวิธีจำที่ง่ายมากๆ แปปเดียวเก็ทเลย อาจจะดูเยอะหน่อยแต่ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของในแต่ละ Tense ที่ให้มาพร้อมคำอธิบายที่ครูหวังว่านักเรียนจะเข้าใจกันนะคะว่า Tense แต่ละตัวมีบริบทความหมายยังไงบ้างนะ จำบริบทไว้สำหรับการใช้งานจากตัวเราเองและนำโครงสร้างประโยคเพื่อเอาไปใช้สอบน้า สำหรับใครที่อยากได้ตารางสรุป Tense ก็สามารถดูรูปข้างล่างได้เลยค่ะ เซฟเก็บไว้ไปท่องหรือไปหัดแต่งประโยคได้เลยนะคะ

        แต่ถ้าอยากเก็ง 12 Tenses เพิ่มเติมพร้อมแบบฝึกหัดให้ทำแบบอัดแน่น แถมเทคนิคจำโครงสร้างง่าย ๆฉบับครูดิว ครูดิวขอแนะนำหนังสือ Grammar GO! พร้อมคอร์สเรียนที่จะช่วยให้เราได้เรียนภาษาอังกฤษโดยเน้นแกรมมาร์เป็นหลักค่ะ

Grammar GO!

- เหมาะสำหรับคนที่ต้องเก็งสอบหรืออยากพูดอังกฤษแกรมมาร์เป๊ะ
- รวบรวมแกรมมาร์อังกฤษครบในเล่มเดียวถึง 15 เรื่อง
- สนุกสนานไปกับคอร์สเรียนเนื้อหายาว 9 ชั่วโมง ทบทวนได้ตลอดชีพ
- เทคนิคจำแกรมมาร์อังกฤษที่ติดหูด้วยเพลงและกลอนของครูดิว
- ดีไซน์สวย ธีมการผจญภัย Go around the world เหมือนได้เรียนไปเที่ยวไป
- อัดแน่นไปพร้อมแบบฝึกหัด เฉลยและคำอธิบายในคอร์สเรียนครบถ้วน

 

ดูคลิปครูดิวสอนเรื่อง 12 Tenses แบบจัดเต็ม รวบรัดเข้าใจง่าย

 

แต่ถ้าอยากติวคอร์ส KruDew ติว TOEIC® มีให้ครบทุกอย่าง! 

ติว TOEIC ครูดิว พร้อมลองทำข้อสอบเหมือนจริง

ติว TOEIC กับครูดิว ดียังไง?

  • คอร์สติว TOEIC ของครูดิวนั้น เรียน Online
  • แบ่งบทเรียนชัดเจน เรียนง่ายไม่งง คลิ๊กเลือกบทเรียนที่ต้องการได้ทันที
  • สามารถหยุด, เล่นซ้ำบทเรียนที่ต้องการได้แบบไม่อั้น! (ตลอดระยะเวลาคอร์ส)
  • อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ใหม่ล่าสุด! ครบชุด!
  • มีไฟล์ E-Book (PDF) ประกอบการเรียนให้ดาวน์โหลด (และมีหนังสือเรียนเป็นเล่มส่งให้ถึงบ้าน)
  • เรียนเวลาไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ แค่มี Internet

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบทเรียน สามารถส่งคำถามหาทีมงานได้

การันตีคะแนน 750+ (หากสอบแล้วไม่ถึง สามารถแจ้งทวนคอร์สได้ฟรี!)

 

ถ้ายังไม่แน่ใจ? ทดลองติวฟรีก่อนได้ที่ >>> คอร์ส KruDew TOEIC®

 

TOEIC® and TOEFL® are registered trademarks of Educational Testing Service (ETS). This product is not endorsed or approved by ETS.