ใบคะแนน TOEIC รูปแบบใหม่✨ พร้อมเกณฑ์ CEFR คืออะไร? ต้องสอบยังไงให้ได้คะแนนถึง B2 ขึ้นไป?
🆕ใบคะแนน TOEIC แบบใหม่ มีอะไรเพิ่ม?
ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2024 ที่ผ่านมา ใบคะแนน TOEIC จะมีการระบุ CEFR Level เพิ่มเข้ามา
ทั้งพาร์ตฟังและอ่าน เพื่อให้รู้ว่าคะแนนของเรา "เทียบระดับภาษาอังกฤษ" ได้ประมาณไหน
ซึ่งระดับ CEFR (หรือ Common European Framework of Reference for Languages) เป็นมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกใช้กัน แบ่งเป็น 6 ระดับ ได้แก่:
แล้วคะแนน TOEIC กับเกณฑ์ของ CEFR เทียบกันยังไง? ต้องได้เท่าไหร่ถึงเทียบเป็น B2?
เป็นที่รู้กันว่าหลายองค์กรชั้นนำมักระบุเกณฑ์คะแนน TOEIC ขั้นต่ำที่ต้องการไว้เมื่อมีการรับคน
แต่บางคนองค์กรที่ไม่ได้ระบุคะแนน TOEIC ก็มักใช้เกณฑ์ CEFR เป็นคุณสมบัติเบื้องต้น เช่น CEFR B1-B2
🧮ต้องทำ TOEIC ให้ถูกกี่ข้อ ถึงได้คะแนนตามต้องการ?
จากตารางเทียบคะแนน:
- ทำข้อสอบ TOEIC Listening ให้ถูก 75 ข้อขึ้นไป เพื่อได้ระดับ B2
- ทำข้อสอบ TOEIC Reading ให้ถูก 67 ข้อขึ้นไป เพื่อให้ได้ระดับ B2
🔍ถ้าจะไปให้ถึงระดับ C1 ขึ้นไป ต้องทำถูกเฉลี่ย 90+ ข้อ ขึ้นไปเลยนะ!
🎓แล้วจะเริ่มเตรียมตัวยังไงดี?
แนะนำให้เริ่มจาก คอร์สติว TOEIC โดยครูดิว ที่ออกแบบมาให้:
✅เข้าใจง่าย เหมือนมีเพื่อนมาติวให้
✅ เจาะทุกพาร์ต TOEIC ที่ออกสอบจริง Listening + Reading
✅ มีเทคนิคทำข้อสอบไว จำเร็ว ใช้ได้จริง
💬สรุป TOEIC โฉมใหม่ = ต้องวางแผนให้แม่นยิ่งกว่าเดิม
ไม่ใช่แค่ "สอบผ่าน" แต่ต้อง “ผ่านระดับที่องค์กรต้องการ”
ตอนนี้ไม่รู้ระดับภาษาไม่ได้แล้ว! ต้องเริ่มติวอย่างมีเป้าหมาย และเลือกคอร์สที่ "เข้าใจ CEFR" ให้เราด้วย
📌สอบยังไงก็ได้คะแนนแบบมี CEFR ครบ พร้อมใช้สมัครงานจริง
ต้องเริ่มจากคอร์สที่วางแผนมาให้พร้อม — คอร์สติว TOEIC KruDew
ปรึกษาการสอบ TOEIC หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คลิกเลย m.me/krudewenglishofficial