เรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้สื่อสารและพูดโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ

เรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้สื่อสารและพูดโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ไม่เก่งภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษเท่าไหร่ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักที มาเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารด้วยวิธีใหม่กับ 4 Skills New Normal กันดีกว่า!

    หลายคนอาจเคยสงสัย ว่าทำไมเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งหลายปีแล้ว ก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักที ไม่ว่าจะเรียนแกรมมาร์มาเป๊ะแค่ไหน ท่องศัพท์มาเยอะเท่าไหร่ สุดท้ายก็ใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารจริง ๆ ไม่ได้สักที เจอฝรั่งทีไรก็ไปไม่เป็น ความรู้ที่เรียนมาดูเหมือนไม่ช่วยอะไรเลยในสถานการณ์จริงที่เราต้องโต้ตอบกับชาวต่างชาติ บทความนี้จะมานำแนะวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นธรรมชาติ


 

สารบัญ


 

ปัญหาของการเรียนภาษาอังกฤษ 

a Caucasian brown hair woman in glasses holding the UK flag and scratching her head on pink background

 

บ่อยครั้งที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษพบว่า เมื่อตนเองอยู่ในสถานการณ์จริงที่ต้องสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพูดที่อาศัยการโต้ตอบในทันที กลับไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นภาษาอังกฤษได้ เนื่องจากต้องใช้เวลานึกแต่งประโยคในหัวอยู่นานสองนาน และศัพท์จำนวนมากที่ท่องมา เมื่อต้องการจะใช้จริงก็นึกไม่ออกอยู่ดี สาเหตุเป็นเพราะว่าผู้เรียนส่วนมากเรียนภาษาอังกฤษโดยเริ่มจากการเรียนรู้โครงสร้างหรือหลักแกรมมาร์ ด้วยความหวังที่ว่าถ้าหากเรารู้ว่าจะสร้างประโยคอย่างไรให้ถูกต้อง เราก็จะสามารถแต่งประโยค และพูด(หรือเขียน)สื่อสารออกมาได้ แต่แท้จริงแล้ว การเรียนแกรมมาร์และการท่องศัพท์เพียงอย่างเดียวนั้น ยังไม่ใช่คำตอบของการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 

 

ถ้าอย่างนั้นแล้ว อะไรล่ะที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้จริง ๆ วันนี้เรามีเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้เพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเองได้มานำเสนอ นั่นคือการหาฟังหาอ่านสื่อต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ การเรียนรู้คำศัพท์จากบริบท การจำเป็นประโยค และการฝึกใช้ภาษาโดยการพูดตามต้นแบบ

 

 


 

อยากพูดภาษาอังกฤษได้ต้องหาฟัง หาอ่าน

Smiling young woman lying on bed and watching show or sitcom on digital tablet

 

อันดับแรกของการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารนั้น ต้องเริ่มจากการฟังและการอ่านเยอะ ๆ เพื่อซึมซับภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด! 

 

ผู้เรียนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ก็เริ่มจากการดูซีรีส์หรือหนัง soundtrack ภาษาอังกฤษ โดยเริ่มจากเรื่องที่มีบทหรือตอนที่สั้น ๆ เช่น ซิทคอม sitcom หรือ Situational Comedy คือประเภทหนังตลกเบาสมองดูเพลิน ๆ ที่มีแก่นของเรื่องผูกเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยบทละครมักจะไม่ซับซ้อน มีเรื่องราวที่เข้าใจง่ายเนื่องจากมีบทพูดที่สั้นกระชับ คนดูสามารถเก็ทได้ทันทีเพราะมีบริบทที่ชัดเจน และมีประโยคติดหู หนังหรือซีรี่ส์ประเภทนี้จึงเป็นเหมือนสื่อการเรียนภาษาชั้นดี ที่นอกจากจะสนุกสนานแล้วยังได้ประโยชน์อีกด้วย หนึ่งในซิทคอมยอดนิยมสุดคลาสสิกที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายคนเลือกดูคือ Friends ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนวัยทำงานหกคนที่แชร์ห้องอยู่ด้วยกันในแมตฮัตตัน โดยแต่ละฉากและตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ผู้เรียนจึงสามารถนำเอาทั้งประโยค คำศัพท์ และคำสแลง (slang) ต่าง ๆ ที่ได้ยินได้ฟังจากในเรื่องมาใช้เพื่อสื่อสารจริงในชีวิตประจำของตนเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น “How you doin’?”
 

a hand holding a mobile phone with news article on screen and an opened laptop in the background

 

อีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เรียนที่รักการอ่านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คือการเลือกอ่านบทความสั้นภาษาอังกฤษประเภทที่เกี่ยวข้องกับ lifestyle เนื่องจากบทความประเภทนี้มีภาษาที่ไม่ซับซ้อน และคำศัพท์ที่ไม่ ยากจนเกินไป อีกทั้งยังสามารถหาอ่านได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต ในการอ่านผู้เรียนจะได้เรียนรู้คำศัพท์มากมาย เนื่องจากผู้เรียนจะได้เจอกับคำศัพท์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกการคาดเดาความหมายจากบริบทไปในตัว และการที่ผู้เรียนได้เห็นตัวอย่างภาษา ไม่ว่าจะเป็นแกรมมาร์หรือคำศัพท์ที่ใช้อยู่ในบริบทจริง ก็จะช่วยทำให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายและการใช้งานของมันมากขึ้น จนสามารถนำมาปรับใช้ได้จริงเพื่อสื่อสารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม


 

 


 

อยากจำศัพท์ได้ ต้องอย่าเอาแต่ท่องความหมาย


 

a curly hair woman with glasses holding an English dictionary on blue background

 

การจำศัพท์ได้และใช้เป็น ต้องอย่าท่อง! หลายคนติดปัญหาว่าสื่อสารออกมาเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็เพราะว่ามีคลังคำศัพท์ในหัวน้อย เลยพยายามแก้ปัญหาด้วยการท่องศัพท์เยอะ ๆ แท้จริงแล้ววิธีการท่องศัพท์ที่ผู้เรียนส่วนมากทำ คือการท่องคำศัพท์เป็นคำ ๆ ซึ่งเป็นการเรียนภาษาแบบปราศจากบริบท ทำให้เราอาจจะแค่พอจำได้ว่าคำศัพท์คำนี้หมายความว่าอะไร แต่พอจะเอาไปใช้จริง ก็ใช้ไม่เป็น ใช้ไม่ถูกบริบท หรือใช้ภาษาได้ไม่เป็นธรรมชาติอยู่ดี ทางที่ดีเราควรปรับวิธีการเรียนคำศัพท์มาเป็นการเรียนและเข้าใจคำศัพท์จากบริบทมากกว่า โดยพยายามเรียนรู้จากการสังเกตคำศัพท์ที่ใช้อยู่ในประโยคที่เราได้ฟังหรือได้อ่านมา เพื่อที่ว่าเราจะได้เก็ทความหมายที่อาจจะมีนัยยะลึกกว่าแค่คำแปล หรือมีการใช้งานในบริบทต่าง ๆ กัน ทำให้สื่อความหมายที่ต่างกันได้ ตัวอย่างเช่น คำว่า get ลองพิจารณาความหมายของคำว่า get ในบริบทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

 

I don’t want to get up. ฉันไม่อยากลุกเลย

I got an email. ฉันเพิ่งได้รับอีเมล

I’m getting fat. ฉันเริ่มอ้วนแล้ว

Can you come get me at the station? คุณมารับฉันที่สถานีได้มั้ย

I will get there by bus. ฉันจะไปถึงที่นั่นโดยรถเมล์

I don’t really get the joke. ฉันไม่ค่อยเข้าใจมุข

 

 


 

จำมาพูดทั้งประโยคเลย

an Asian brown hair woman in a white long sleeve shirt holding a white cutout speech bubble on white background

 

อยากพูดอังกฤษให้ได้แบบไม่ต้องเสียเวลานั่งแต่งประโยคหรือนึกคำศัพท์ วิธีที่เร็วที่สุดคือการที่เราจำมาทั้งประโยคและเอามาใช้เลย เพราะหลายครั้งที่ผู้เรียนอาจจะฟังภาษาอังกฤษเข้าใจ แต่ก็ไม่รู้จะตอบกลับหรือโต้ตอบยังไงให้เหมาะสมในสถานการณ์จริง กลับไปที่การเรียนภาษาอังกฤษจากการดูซิทคอมที่เราได้เห็นประโยคที่ถูกใช้สื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ มากมาย ถ้าหากว่าเราสามารถเรียนรู้และหยิบยกประโยคเหล่านั้นมาใช้ในสถานการณ์ที่คล้าย ๆ กันได้ ก็จะช่วยให้เราโต้ตอบและพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้รวดเร็วและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เช่น “Oh my god!” “That’s awesome!” “Are you serious?” “You must be kidding.” จะเห็นได้ว่าประโยคเหล่านี้เราสามารถจำมาทั้งท่อนได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาแต่งใหม่ ไม่ต้องสนใจแกรมมาร์หรือคำศัพท์ใด ๆ ก็นำมาใช้ได้ทันทีหากเราเข้าใจความหมายและบริบทการใช้งานอย่างชัดเจน

 

อีกวิธีหนึ่งคือการจำเอาโครงสร้างประโยคมาปรับใช้ ตัวอย่างเช่น “What are you doing?” คุณกำลังทำอะไรอยู่ เราอาจจะพอสังเกตเห็นโครงสร้างของประโยคที่ลงท้ายด้วยคำกริยาเติม -ing และนำมาปรับใช้เพื่อถามในกรณีอื่น ๆ เช่น

 

 What are you eating? คุณกำลังกินอะไรอยู่

 What are you saying? คุณกำลังพูดอะไรอยู่

 What are you looking at? คุณกำลังมองอะไรอยู่

 

 การเรียนรู้โครงสร้างประโยคจากตัวอย่างและนำมาปรับใช้นั้นเร็วกว่าการเริ่มเรียนจากการท่องโครงสร้างหรือหลักแกรมมาร์ ทำให้เราสามารถแต่งประโยคได้ง่าย และพูดสื่อสารได้รวดเร็วขึ้น

 

 


 

Finally, practice (always) makes perfect!

an Asian brown hair woman in a white shirt self-studying on laptop with a headset and an opened book

 

สุดท้ายแล้ว การจะสื่อสารภาษาอังกฤษให้ได้ต้องอาศัยการฝึกฝนให้มาก ๆ อย่างเช่นการเรียนรู้แบบครูพักลักจำจากซีรีส์ หนังเรื่องยาว หรือซิทคอมตอนสั้น ๆ ก็ตาม ถ้าหากว่าเราเพียงแค่ดูหรือฟังเฉย ๆ ก็คงจะไม่สามารถสื่อสารออกมาจริง ๆ ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ ฝึก ฝึก ฝึก และฝึก การฝึกที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง คือการฟังตัวอย่างและฝึกพูดตาม โดยที่เราอาจจะลอง act out หรือใส่น้ำเสียงและท่าทางลงไปด้วย เพื่อช่วยให้เราเข้าใจความหมายของประโยคมากยิ่งขึ้น และสามารถนำเอาไปใช้สื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ คราวหน้าถ้าหากว่าเปิดดูซีรีส์หรือหนังสบาย ๆ ที่บ้าน อาจจะลอง pause และพูดตาม หรือ pause และพูดตอบตัวละครในทีวีก็ได้ จำไว้ว่าการลงมือทำหรือลองใช้ภาษานั้น คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเรียนและฝึกฝนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร!

 

ทั้งนี้ การฝึกจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อเราได้รับฟีดแบ็กมาเพื่อปรับปรุงและพัฒนาทักษะ ไม่เพียงแค่การพูด แต่รวมไปถึงการฟัง การอ่าน และการเขียน หากเราสามารถรู้แน่ชัดได้ว่าเรายังขาดทักษะตรงจุดไหน เราก็จะสามารถพัฒนาทักษะให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างตรงจุด และมีทิศทางในการฝึกที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น!

 

 


 

อยากพูดอังกฤษคล่อง ต้อง 4 Skills New Normal

4 Skills New Normal หนังสือที่จะช่วยให้สื่อสารภาษาอังกฤษเป็นเรื่องง่าย ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน ครบจบในเล่มเดียว สอนโดยครูดิว จากเพจ KruDew English ที่สั่งสมประสบการณ์พัฒนารูปแบบการสอนเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ เพราะการพูดอังกฤษให้คล่อง ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้แค่มโนอีกต่อไป

a book titled 4 SKILLS NEW NORMAL with a graphic illustration on cover

 


 

4 Skills New Normal ดียังไง

 

เริ่มต้นตั้งแต่ Flow การสอน

จากที่กล่าวไปข้างต้นว่าอันดับแรกของการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารนั้น ต้องเริ่มจากการฟังและการอ่านเยอะ ๆ เพื่อให้ซึบซับภาษาอังกฤษเข้าไปแบบเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่แค่การฟังและการอ่านเยอะๆ โดยไม่มีแบบแผน อาจจะต้องใช้เวลานาน กว่าที่เราจะสามารถทำความเข้าใจ และต่อยอดการใช้บริบทนั้นๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ  หนังสือ 4 Skills New Normal จึงได้มีการออกแบบให้ผู้เรียนได้ฝึกการฟัง และการอ่านประโยคบทสนทนาด้วยวิธีที่ใครได้เห็นเป็นต้องร้องว้าว เพราะรอบนี้ครูดิวขอจัดเต็ม ด้วยวิธีการออกแบบการเรียนที่เน้นการสร้าง Input (Provide plenty of language input through dialogue examples and reading passages) เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสื่อสารจริง ทั้งคำศัพท์ ไวยากรณ์ และรูปแบบประโยค ผ่านการฟังตัวอย่างบทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ และการอ่านตัวอย่างบทความในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา และต่อยอดทักษะการฟัง การอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่เคย

และเมื่อผู้เรียนสามารถที่จะพัฒนาทักษะด้านการฟัง และการอ่านได้ดียิ่งขึ้นแล้ว ครูดิวก็ได้มีการออกแบบให้ผู้เรียนสามารถต่อยอดทักษะ ผ่านการสร้าง Output (Provide opportunities for learners to produce language output through learning tasks) นั่นคือการออกแบบแบบฝึกหัดที่ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านการพูด และการเขียนที่ค่อยๆไต่ระดับความยากขึ้นตามบทเรียน โดยที่เนื้อหาที่ให้ผู้เรียนได้ค่อยๆพัฒนาทักษะทั้ง 4 นั้น ก็ได้มีการออกแบบให้มีความสอดคล้อง ต่อเนื่องอยู่ในบริบทเดียวกัน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถต่อยอดใช้งานได้จริงตามวัตถุประสงค์ที่มีให้ประจำบทเรียนนั่นเอง

an illustrated diagram presenting 4 language skills in a linear sequence: Listening, Reading, Writing and Speaking

 

คอร์สเรียนไม่มีวันหมดอายุ

ให้มากกว่าหนังสือเล่มไหนๆ กับคอร์สเรียนเสริมแกรมมาร์โดยครูดิว ที่ออกแบบมาเพื่อการพัฒนาด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ไหนก็สามารถต่อยอด ประยุกต์ใช้การสื่อสารภาษาอังกฤษได้แบบไม่มีสะดุดแน่นอน

 

a tutorial video with a tutor explaining a grammar concept playing on an iPad screen

 

พัฒนาตรงจุดแบบรายบุคคล

เพราะการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพนั้น เราต้องรู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง เพื่อให้สามารถพัฒนาและต่อยอดได้ตรงจุด หนังสือ 4 Skills New Normal จึงได้พัฒนาและออกแบบ Dashboard โปรแกรมสรุปภาพรวมทักษะ ที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียนได้แบบรายบุคคล 

 

a web interface shown on a Macbook Pro screen

 

โดยผู้เรียนจะต้องทำการล็อกอินผ่านบัตรสมาชิกเพื่อเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ ซึ่งจะมีการให้ผู้เรียนสามารถตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นการ Challenge ตัวเอง ให้สามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

 

an illustrated book cover titled 4 SKILLS NEW NORMAL on the left and a membership card on the right

 

จากนั้นเมื่อผู้เรียนเริ่มเรียนผ่านหนังสือ 4 Skills New Normal และคอร์สเรียนในหน้าเว็บไซต์ จบในแต่ละบท ผู้เรียนจะต้องมาทำการทดสอบประจำบทบนเว็บไซต์ ซึ่งในหน้าเว็บจะมีการระบุคะแนนในแต่ทักษะของผู้เรียนออกมาแบบรายบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนรู้ว่าตอนนี้ทักษะใดที่ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อยอด หรือทักษะใดที่ทำได้ดีอยู่แล้ว 

a dashboard web interface shown on a Macbook Pro screen

 

ซึ่งหากผู้เรียนไม่สามารถทำคะแนนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำในแต่ละบท ก็จะไม่สามารถเข้าเรียนในบทเรียนถัดไปได้ เป็นการฝึกตัวเองให้พัฒนา และต่อยอดทักษะการสื่อสารอย่างเป็นรูปธรรม มั่นใจได้ว่าเมื่อเรียนจบจนเล่ม ก็จะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องทั้ง 4 ทักษะอย่างแน่นอน


 

 



 

4 Skills New Normal ช่วยในเรื่องการสื่อสารได้ยังไง

 

การออกแบบเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพ

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ครูดิวเน้นย้ำอยู่เสมอคือเมื่อเรียนจบแล้ว ผู้เรียนต้องสามารถนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริงๆ ดังนั้นหนังสือ 4 Skills New Normal จึงได้มีออกแบบเนื้อหาตามบริบทการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันทั้ง 21 lessons และใช้งานทั้ง 4 ทักษะได้อย่างสอดคล้องกัน และเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

 

an open page of a book with an incomplete English dialogue and graphic illustration

 

เช่น ในเรื่องสภาพอากาศ ผู้เรียนจะได้ฟังตัวอย่างบทสนทนาเรื่องการพูดถึงสภาพอากาศ ทั้งการถามสภาพอากาศ สภาพอากาศที่ชอบ เรียนคำศัพท์เกี่ยวกับสภาพอากาศที่ควรรู้ ทบทวนแกรมมาร์เรื่องคำกริยาวิเศษณ์บอกระดับที่มักใช้บ่อย เพื่อให้สามารถปรับใช้ในการบอกสภาพอากาศได้ว่า ถ้าฝนตก ตกในระดับหนักมาก หรือมีฝนตกเพียงเล็กน้อย 

 

an open page of a book with a speech bubble showing an English conversation and Thai descriptions

 

พัฒนาทักษะการอ่านจากเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสภาพอากาศแปรปรวน ฝึกการเขียนเกี่ยวกับสภาพอากาศของวันที่เราต้องออกไปปิกนิก และฝึกพูดจากบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศทั่วๆไป โดยการเลือกพูดตอบให้เหมาะสมกับบริบทคำถาม

ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งบทเรียนเนื้อหาจะมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันทั้งหมด ซึ่งการเรียนในลักษณะนี้ ผู้เรียนจะได้ฝึกฝนการใช้คำศัพท์ หลักแกรมมาร์ และบริบทการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเรื่องนี้ซ้ำๆ จนผู้เรียนสามารถสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติทั้ง 4 ทักษะนั่นเองค่ะ

 

Listening

หนังสือ 4 Skills New Normal ได้ออกแบบให้ผู้เรียนได้ฝึกฟังบทสนทนาจาก Native Speakersในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยวิดีโอการ์ตูน Animation โดยที่ได้มีการออกแบบให้ผู้เรียนได้ลองฝึกทักษะการฟัง ให้สามารถฟังได้เข้าใจ จับใจความได้จริง ดังนี้

 

a web interface with a playing video on an iPad screen

 

  1. ฟังรอบที่ 1 สแกน QR Code เพื่อรับชมบทสนทนา และลองฟังแบบไม่มีซับไตเติ้ลรอบที่ 1 เพื่อที่ผู้เรียนจะได้สามารถฝึกทักษะการฟัง และฝึกให้ชินกับสำเนียงจาก Native Speaker
  2. ฟังรอบที่ 2 ลองฟังแบบไม่มีซับไตเติ้ลรอบที่ 2 แล้วลองเติมส่วนที่เว้นว่างในหนังสือตามคำที่ได้ยิน เพื่อฝึกทักษะการฟัง และการจำศัพท์เบื้องต้น วิธีนี้จะช่วยให้เมื่อดูเฉลยจะจำศัพท์ได้ถูกต้องมากขึ้น
  3. ฟังรอบที่ 3 ฟังไปพร้อมๆ กับซับไตเติ้ล เช็กความถูกต้องของส่วนที่เติมในช่องว่าง และลองฝึกแปลคร่าวๆ โดยไม่อ่านคำแปลในหนังสือ วิธีนี้จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถฝึกการแปลบริบทจากบทสนทนาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
  4. ฟังรอบที่ 4 ลองฝึกฟังและออกเสียงตาม เพื่อฝึกสำเนียงการออกเสียง รวมไปถึงลองดูว่าคำศัพท์คำไหนที่ยังไม่รู้จัก หรือแปลผิดบริบท เพื่อที่จะได้เรียนรู้จากทักษะถัดๆ ไปในเล่ม

 

an open page of a book with an incomplete English dialogue and graphic illustration


 

Vocabulary

เรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับบทสนทนาในพาร์ท Listening เพื่อเพิ่มคลังคำศัพท์ให้มากขึ้น และหนังสือ 4 Skills New Normal  ได้มีการออกแบบให้ผุ้เรียนได้ลองทบทวนคำศัพท์ในพาร์ท Vocab Check Check ที่ให้ผู้เรียนได้ทดสอบคลังคำศัพท์ที่เพิ่งเรียนไปจากบริบทการใช้งานต่างๆ ให้เข้าใจ และนำไปใช้ได้จริง

an open page of a book with English vocabulary and graphic illustrations

 

Grammar 

เรียนรู้หลักแกรมมาร์ที่เกี่ยวข้องกับบริบทของเหตุการณ์ผ่านเนื้อหาและตัวอย่างในหนังสือ ทั้งยังมีคอร์สเรียนเพิ่มเติมจากครูดิวที่มาช่วยอธิบายให้เข้าใจง่าย สอนสนุกไม่มีเบื่อตามสไตล์ครูดิว เรียกได้ว่าไม่มีพื้นฐานแค่ไหนก็เข้าใจได้ชัวร์ 

ครูดิวยังขอเสริมเรื่อง Grammar ให้แม่นเป๊ะขึ้นไปอีกด้วยฟีเจอร์ Grammar Check Check ที่ขอวัดความเข้าใจผู้เรียนก่อนที่จะนำหลักแกรมมาร์ไปใช้ต่อยอดในทักษะต่อไป วัดความเข้าใจพร้อมอธิบายแบบละเอียดยิบ ไม่มีงงแน่นอน

an open page of a book with an English passage on the left and a playing a tutorial video on an iPad screen on the right


 

Reading

ฝึกทักษะการอ่านจับใจความแบบมืออาชีพ ด้วยการออกแบบพาร์ทการอ่านในหนังสือ 4 Skills New Normal ที่ช่วยให้ผู้เรียนฝึกการอ่านได้แบบแม่นเป๊ะ ดังนี้

  1. ฝึกอ่านรอบที่ 1 ฝึกอ่านคร่าวๆแบบไม่ดูคำศัพท์เพิ่มเติมที่ให้มา แล้วลองไฮไลท์ประโยค หรือคำศัพท์ที่ยังไม่รู้จัก เพื่อให้ผู้เรียนได้ลองนำเนื้อหาที่เรียนมาให้ข้างต้นมาประยุกต์ใช้ และลองฝึกการแปลเบื้องต้น
  2. ฝึกอ่านรอบที่ 2 ฝึกอ่าน พร้อมหาความหมายของคำศัพท์ที่ไฮไลท์ไว้ หากมีคำศัพท์นอกเหนือจากที่ให้มาที่ยังไม่รู้จักอีก ให้หาความหมายของศัพท์นั้นๆ และลองฝึกแปลความหมายของทั้งบทความอีกครั้ง

an open page of a book with an English passage

 

  1. ทำแบบฝึกหัด Reading Check Check เพื่อวัดความเข้าใจว่าเราสามารถจับใจความสำคัญ แล้วตอบคำถามจากบทความนั้นได้อย่างถูกต้องหรือไม่
  2. สแกนอ่านเฉลย เพื่อดูคำแปลบทความและคำตอบของ Reading Check Check หากมีจุดไหนที่ตอบผิดหรือแปลไม่ตรงกับเฉลย ให้รีบทำความเข้าใจและทบทวนซ้ำ



 

Writing

ฝึกทักษะการเขียนจากตัวอย่างประโยค โดยเน้นให้ผู้เรียนสามารถฝึกการนำเอาคำศัพท์และหลักแกรมมาร์มาประยุกต์ใช้ในการเขียนได้อย่างตรงตามบริบท ดังนี้

  1. อ่านตัวอย่างงานเขียนที่กำหนดให้ เพื่อดูว่ามีหลักการใช้งานแกรมมาร์ และคำศัพท์แบบใดบ้าง
  2. สังเกตโจทย์ในวงเล็บ และรูปภาพที่ให้มา แล้วลองเขียนให้เข้ากับบริบทของตนเอง

an open page of a book with a graphic illustration and a provided space for writing

 

  1. ตรวจดูเฉลย หากมีจุดไหนที่ยังไม่ถูกต้องให้รีบทบทวนซ้ำ เช่นเรื่องของการใช้แกรมมาร์ หรือเรื่องของคำศัพท์
  2. หากสามารถเขียนได้ถูกต้องแล้ว ให้ลองเขียนโดยใช้คำศัพท์อื่นๆที่เรียนมา เพื่อฝึกให้สามารถใช้ทักษะการเขียนได้คล่องมากขึ้น


 

Speaking

ฝึกทักษะการพูดจากสองรูปแบบการเรียนรู้ ที่ครูดิวออกแบบมาเพื่อการพัฒนาเรื่องการพูดของคนไทยโดยเฉพาะ ทั้งการฝึกการทดลองออกเสียงโดยใช้การสมมติบทบาทตัวละครสลับไปมา ให้ผู้เรียนลองฝึกฟัง และออกเสียงเป็นตัวละคร A , B สลับกัน 

an open page of a book with a graphic illustration of an instant messaging chat room

 

ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถฝึกการออกเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังพัฒนาทั้งทักษะฟังและการอ่านไปพร้อมๆกันด้วย

 

a web interface of an online quiz on an iPad screen

 

แบบฝึกหัดในทักษะการพูดก็ได้มีการออกแบบโปรแกรมตรวจจับการออกเสียง ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถฝึกการออกเสียงให้ตรงตามหลักการออกเสียงที่ถูกต้อง ซึ่งผู้เรียนจะได้ฝึกการพัฒนาด้านการสื่อสารแบบครบจบทั้ง 4 Skills ในหนังสือเล่มเดียวอย่างแน่นอน


 

 


 

4 Skills New Normal หนังสือที่ปฏิวัติการเรียนแบบเดิมๆ

นอกเหนือไปจากการออกแบบเนื้อหา และ Flow การเรียนที่ครูดิวใส่ใจพัฒนาคุณภาพแล้ว หนังสือ 4 Skills New Normal ยังมีความโดดเด่นเรื่องการออกแบบให้หนังสือมีความน่าสนใจ ดึงดูดให้ผู้เรียนเรียนต่อไปได้เรื่อยๆ จนจบเล่ม ไม่เบื่อหรือท้อแท้ระหว่างทาง และเพื่อให้แน่ใจได้ว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประตูบานสำคัญที่ทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาการสื่อสารภาษาอังกฤษได้แบบมีคุณภาพ ครูดิวและทีมงานจึงได้มีการออกแบบฟีเจอร์เพิ่มเติมในหนังสือ หนังสือ 4 Skills New Normal ที่รับรองว่าเป็นแบบใหม่ แบบสับไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน 


 

ธีมผจญภัยฝ่าภารกิจโลกดิสโธเปีย

ในเล่มจะมีการออกแบบภายใต้ธีม “จะทำยังไงเมื่อโลกกำลังกลายเป็นดิสโธเปีย” โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อจอมมารที่มีชื่อว่า มาโวโด ต้องการที่จะทำให้โลกในหนังสือ กลายเป็นโลกดิสโธเปีย โลกที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง สิ้นหวัง และโรคภัย เพื่อที่เค้าจะได้กลายเป็นเจ้าผู้ครองโลก

an open page of a book with a full-page comic

 

 หนทางเดียวที่จะกอบกู้โลกได้ คือผู้เรียนต้องทำภารกิจผ่านแบบทดสอบวัดทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ที่เมื่อหลอดสกิลครบถึงระดับที่ปราบปีศาจได้ ผู้เรียนจะได้รับดาบศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยเหลือโลกจากภัยคุกคามนี้นั่นเอง โดยในเล่มก็จะมีการออกแบบให้บรรยากาศค่อยๆมืดครึ้ม และเต็มไปด้วยซากปรักหักพังขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้เรียนต้องเร่งทำภารกิจให้สำเร็จ ก่อนที่จอมมารจะครองโลกได้นั่นเอง

 

 นอกจากนี้ผู้เรียนยังต้องผจญไปยังเมืองต่างๆเพื่อเก็บสะสมสกิล และทุกครั้งที่ผู้เรียนมีการเข้าเรียน ดูคอร์ส หรือทำแบบฝึกหัด เว็บไซต์ก็จะมีการเก็บ Level บนหน้าแสดงไว้บน Dashboard เพื่อใช้ในการปลดล็อกเข้าสู่บทเรียนถัดไป หมายความว่าผู้เรียนต้องตั้งใจเรียนเพื่อเพิ่มเลเวล และยังต้องทำแบบทดสอบให้ผ่าน จึงจะสามารถเข้าสู้บทเรียนถัดๆไปได้ 

a progress bar starting from Level 1 to Level 2

ดังนั้นแน่ใจได้เลยว่าหากผู้เรียนสามารถปราบจอมมารในเล่มได้เมื่อใด ในชีวิตจริงก็เหมือนว่าผู้เรียนสามารถปราบความกลัวในจิตใจ และใช้ทักษะพัฒนามาตลอดการเรียนทั้งเล่ม พูดและสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องมากกว่าที่เคยเป็นแน่นอน



 

 กำหนดเป้าหมายการเรียนให้กับตัวเอง

 

a progress bar on a darkened web background shown on an iPad screen

 

เนื่องจากธีมของเล่มที่เป็นเรื่องการล่มสลายของโลก และการทำภารกิจกอบกู้โลกจากจอมมาร เราจึงได้มีการออกแบบให้ผู้เรียนลองตั้งเป้าหมายการเรียนของเล่มนี้ และพยายามกอบกู้โลกโดยการเรียนให้จบเล่มเพื่อเป็นการ Challenge ตัวเองไปในตัว (ทั้งนี้หากผู้เรียนไม่สามารถเรียนได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ ก็ยังสามารถเข้าเรียนได้เรื่อยๆ ไม่มีผลต่อวันหมดอายุแต่อย่างใด)



 

ของแถมสำหรับนักผจญภัย

1.แผนที่นักเดินทางสุดน่ารัก

an illustrated map of an island with 8 different cities representing 8 Levels

แผนที่การเดินทางขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้รู้ภาพรวมการเรียนคร่าวๆ และยังมาพร้อมกับ Flow หารเรียน และวิธีการใช้งานหนังสือที่ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจทุกสัญลักษณ์ กรอบ และข้อควรระวังในเล่มได้แน่นอน

 

2. ไปไหนไม่มีหลงทาง กับที่คั่นเข็มทิศ

a cut out of a illustrated compass picture

น่ารักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว กับที่คั่นหนังสือของเล่ม ที่ออกแบบมาให้เป็นเข็มทิศนำทาง ไม่ว่าจะใช้คั่นหนังสือก็น่ารัก ตั้งไว้เฉยๆก็เท่สุดๆ ไม่มีไม่ได้แล้วนะ

 

3.สมุดบันทึกนักเดินทาง

a closed notebook on the left and an open page of a notebook on the right

สมุดที่มาพร้อมกับ Study plan ไว้เช็กการทำแบบฝึกหัด พร้อมหน้าโน้ตไว้บันทึกส่วนที่ควรจำ หรือคำศัพท์น่ารู้ แถมพอวางคู่กับแผนที่ และที่คั่นเข็มทิศ ยิ่งให้บรรยากาศพร้อมออกผจญภัยสุดๆไปเลย

 

4. แอบลุ้นไปกับการ์ดบัตรสุ่มจากครูดิว

four colorful discount cards

พิเศษสุดๆ กับของแถมเอาใจแฟนคลับที่ครูดิวขอมอบให้เป็นของขวัญตอบแทนความตั้งใจเรียนของผู้เรียนทุกคน ด้วยสิทธิพิเศษไม่ซ้ำแบบ ที่คละกันในแต่ละเล่ม คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว



 

 


 

4 Skills New Normal เหมาะกับใคร พื้นฐานภาษาอังกฤษไม่ดี เรียนได้ไหม

หนังสือ  4 Skills New Normal  เป็นหนังสือสำหรับผู้ที่ต้องการพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง สื่อสารได้แบบมั่นใจทั้ง 4 ทักษะ โดยครูดิวได้มีการออกแบบมาสำหรับผู้เรียนที่ต้องการต่อยอดทักษะการสื่อสาร และผู้เรียนที่ยังมีพื้นฐานไม่ค่อยแน่น ดังนั้น ไม่ว่าจะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษในระดับใดก็สามารถใช้หนังสือ  4 Skills New Normal ในการต่อยอดการเรียนได้แน่นอน

 2 colorful illustrated books placed side by side

 แต่ถ้าหากต้องการเสริมความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ก็ขอแนะนำให้เรียนคู่กันกับหนังสือ Grammar GO! ที่จะช่วยเน้นย้ำความเข้าใจเรื่องการใช้แกรมมาร์ให้เป๊ะปัง ยิ่งเรียนคู่กันยิ่งช่วยให้ทักษะภาษาอังกฤษพัฒนาแบบพุ่งปรี๊ดแน่นอน


 

 


 

อยากได้ 4 Skills New Normal ต้องทำยังไง

a set of print items placed together with an iPad showing a tutorial video

สามารถสั่งซื้อหนังสือ 4 Skills New Normal ได้โดยใช้ส่วนลดพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัวเหลือเพียง 1,490.- เท่านั้นจากราคาเต็ม 2,590 บาท เพียงแจ้งโค้ด “OPEN4S40” สิทธิ์มีจำนวนจำกัดรีบสั่งซื้อเลย!!!

a printed blue code coupon with a Facebook logo

สั่งซื้อผ่าน Inbox เพจ KruDew English คลิก


 

a printed orange code coupon with a Shopee logo

สั่งซื้อผ่าน Shopee ร้าน OpenDurian คลิก

 

 หรือหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถพูดคุยกับแอดมินเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิ้งด้านล่างนะคะ

 

a pink button icon with a clicking hand

 

รีวิวจากผู้เรียน

 

 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง