7 วิธี เลือกคณะยังไง ไม่ให้ชีวิตพัง

7 วิธี เลือกคณะยังไง ไม่ให้ชีวิตพัง

เสียหายกันมาเท่าไหร่ กับการเลือกคณะผิด❌ อย่าต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียทั้งใจ T^T

ใกล้เข้าสู่การสอบระบบ TCAS เข้ามาทุกที
ถ้าเตรียมตัวไม่ดี พังแน่ๆ ต้องฟิตซะตั้งแต่ตอนนี้แล้วนะ

 

‍‍‍‍‍‍ ‍‍มาดู 7 วิธี เลือกคณะยังไง ไม่ให้ชีวิตพัง!

 

 

1. ถ้าเริ่มมาด้วยการไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยู่กับอะไรแล้วมีความสุข รับรองว่าพังแน่ๆ

        อันดับแรกเราต้องถามตัวเองให้ได้คำตอบชัวร์ๆ ก่อนว่า.. ฉันชอบ และ สนใจ เรื่องอะไรมากที่สุด? ฉันอยู่กับอะไรแล้วมีความสุข? ฉันเป็นคนชอบอยู่เงียบๆ หรือ ชอบพบปะผู้คน? และ คำถามอื่นๆ ถามให้ตัวเองได้ตอบไปเยอะๆ พอถามตัวเอง และได้คำตอบออกมาแล้ว เราก็จะเริ่มมองไปในอนาคตได้อีกก้าวแล้วว่า " เราควรเรียนคณะไหนดี "

 

 

2.พี่เข้าใจว่าเวลาจะเลือกคณะ เลือกมหาลัยเราจะฟุ้งซ่าน คิดไปเยอะ คิดเลอะเทอะไปเรื่อยเปื่อย

        ดังนั้นต้องปรับ โดยต้องโฟกัสที่ตัวเองว่า.. คะแนนที่เราคิดว่าเราจะทำได้ หรือ คะแนนที่เราได้มีมากน้อยแค่ไหน จะสามารถเข้าเรียนในคณะไหนได้บ้าง? แต่จงตั้งสติอยู่เสมอว่า ต้องเป็นคณะที่เราอยากเรียน อย่าตามกระแส อย่าตามคนอื่น อย่าคิดว่าเรียนๆ ไปให้จบเท่านั้น เพราะ หากเราเข้าไปเรียนถ้ามันไม่ใช่จริงๆ เราต้องเสียทั้งเวลา เสียเงิน และ เสียใจอีกด้วย ต้องมีสติน้า

 

 

3. ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก ถ้าเรารู้ข้อนี้ของตัวเองชัดเจน เราจะเลือกคณะได้อย่างสบายๆ

        เช่น เราถ่ายรูปสวยมาก ตัดต่อก็เริ่ด นิเทศศาสตร์เป็นไง? , เราชอบเด็กมาก แล้วเราก็เก่งคณิตศาสตร์ด้วย เรียนครูก็เจ๋งนะ? เราชอบช่วยเหลือคน แล้วเราก็เรียนวิทย์คณิตด้วย ต้องเป็นหมอแล้วปะ? ดังนั้นถนัดอะไร มีทักษะด้านไหนที่เหนือกว่าคนอื่น ก็คณะสายนั้นเลย และอย่าเลือกตามเพื่อนนะจ๊ะ เพราะเรากับเพื่อนแต่ละคนไม่ได้ถนัดเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวจะไม่มีเพื่อนน้า เดี๋ยวเราเข้ามหาวิทยาลัยก็เจอเพื่อนใหม่ ที่ถนัดเหมือนๆ กับเราเอง ไม่ต้องกังวลเนอะ ^^

 

 

4. เราต้องสำรวจตลาด หาข้อมูลกว้างๆ สอบถามผู้มีประสบการณ์ว่า คิดว่าในอนาคตอีก 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า อาชีพไหนที่ยังคงเป็นที่ต้องการอยู่ตลอด

        (เช่น หมอ , พยาบาล) และอาชีพสายไหนมีแนวโน้มจะมาแรงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเวลานั้น (เช่นอาชีพเกี่ยวกับออนไลน์) หรือ อาชีพไหนที่ดูแล้วว่าจะถดถอยลงไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นจบมาแล้วหางานยากแน่นอน ฉะนั้นวางแผนอนาคตโดยการมองการณ์ไกลเอาไว้ จะปลอดภัยที่สุดจ้า

 

 

5.ค่าใช้จ่ายก็สำคัญ เพราะเข้ามหาวิทยาลัยค่าใช้จ่ายสูง และหลายๆ คณะมีค่าต่างๆ จุกจิกมากพอสมควร

        เราต้องพูดคุยกับครอบครัวว่า ค่าใช้จ่ายประมาณนี้ ไหวไหม? สำหรับน้องๆ ที่พ่อแม่สนับสนุนได้เต็มที่ไม่อั้น ก็หายห่วง แต่ถ้าน้องๆ ที่มีทุนทรัพย์ที่ค่อนข้างจำกัด ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีๆ อีกครั้ง ว่าเราและครอบครัวไหวแน่ๆ ไม่หนักมากเกินไปจนทำให้พ่อแม่เหนื่อยเกินไป หรือ ติดหนี้สินมากเกินควร แต่อีกทางหนึ่งก็ถือว่าน่าสนใจ สำหรับน้องๆ ที่มีทุนทรัพย์ไม่พอจริงๆ ก็คือน้องๆ ลองสมัครทุนเรียนฟรีของมหาวิทยาลัย หรือ กู้ กยศ.ดูก็ได้เช่นกันนะจ๊ะ

 

 

6. หาข้อมูลเกี่ยวกับคณะและสถาบันที่สนใจ เช่น เกณฑ์ในการรับ คะแนนสูงสุด-ต่ำสุด สภาพแวดล้อม แนวทางการเรียน ทำความรู้จักคณะที่เล็งๆ ไว้ให้ได้มากที่สุด

        หาทั้งข้อมูลเชิงลึกเชิงกว้าง ถามได้จากรุ่นพี่หรือหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ แล้วเปรียบเทียบกันดูว่า คณะไหนกันนะที่เราจะอยู่กับมันได้ตลอด 4 ปี 5 ปี หรือ 6 ปี ได้อย่างมีความสุข และตอบโจทย์อาชีพที่เราอยากทำได้มากที่สุด

 

 

7. บอกเลยว่า ถ้าไม่เตรียมตัวตอนนี้ ก็จะเหนื่อยมากกว่าคนอื่นๆ น้องๆหลายคนปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ โดยไม่เตรียมตัว ไม่ติว ไม่อ่านหนังสือ ไม่หาข้อมูล

        พอถึงเวลาสอบเราก็จะตามไม่ทันคนที่เค้าเตรียมตัวมาหลายเดือน หรือ เป็นปีๆ น้องๆอย่าลืมน้า ว่าการสอบแต่ละปีมีเด็กสอบแข่งขันกันเยอะมากนับไม่ถ้วนเลยจริงๆ ฉะนั้นเราต้องฟิต! ติวตั้งแต่ตอนนี้ เพื่ออนาคตของเรา และเพื่อครอบครัวที่เค้ารอดูความสำเร็จของเราอยู่!!

สู้ๆ นะคะ น้องๆ ทุกคน พี่เป็นกำลังใจให้จ้า ✌

 

 

โดย G ! F T
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คอร์สเรียนที่เกี่ยวข้อง
สินค้าที่เกี่ยวข้อง